“การทำธุรกิจทุกอย่างต้องพยายามโตอย่างรอบคอบ อะไรที่มีความเสี่ยงสูงต้องชะลอไปก่อน โดยเฉพาะการออกสินค้าใหม่ๆ ต้องทำการบ้านมากขึ้น” สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อกระทิงแดง กล่าว
ที่สำคัญต้องเกาะตามเทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไม่มีน้ำตาลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Red Bull Soda ไม่มีน้ำตาล 2 รสชาติ ได้แก่ รสแอปเปิ้ล-องุ่นมัสแคต และรสเกรปฟรุต-สับปะรด
ตามด้วย FarmZaa มะปี๊ดโซดา, คอลลาเจนกัมมี Bestural x DHC และ Planett โซดากลิ่นดอกไม้และผลไม้ โดยได้นำสินค้าใหม่มาเปิดตัวในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 และสินค้าบางรายการจะวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เรียกได้ว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นตลาดที่มีโอกาสอย่างมาก ทำให้ใน 2 เดือนต่อจากนี้ ทีม R&D จะพยายามพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ กลุ่มไม่มีน้ำตาลเข้ามาเติมพอร์ตสินค้า เพราะปัจจุบันสินค้ากลุ่มนี้ยังมีสัดส่วนไม่ถึง 5%
นอกจากการเปิดสินค้าใหม่ หัวเรือใหญ่กลุ่มธุรกิจ TCP ยังยืนยันคำเดิมว่า กลุ่ม TCP จะตอกย้ำความเป็น House of Great Brands พยายามหาโอกาสทั้งในและต่างประเทศ เพียงแต่บางจังหวะอาจต้องเน้นตลาดต่างประเทศมากกว่า เพราะมีสัดส่วนรายได้กว่า 70%
โดยช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ Yee Lee Group บริษัทสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ในมาเลเซีย ในสัดส่วน 50:50 เดิมที Yee Lee Group มีหน้าที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย Red Bull ในมาเลเซียให้ TCP มานานกว่า 8 ปี
จากการร่วมทุนดังกล่าวนั้น บริษัทมองเห็นศักยภาพของตลาดเครื่องดื่ม เพราะที่ผ่านมาแบรนด์ Red Bull เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังอันดับ 1 ของมาเลเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีช่องว่างอีกมาก
จากการสำรวจพบว่า อัตราการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังของมาเลเซียมีการบริโภคเพียง 1 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งถ้าเทียบกับไทยมีการบริโภค 5 ลิตรต่อคนต่อปี แน่นอนว่ามีโอกาสเติบโตขึ้นในอนาคตแน่นอน และที่สำคัญ TCP จะได้ข้อมูลและพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกจากพาร์ตเนอร์รายนี้ด้วย
เช่นเดียวกับจีนที่ถือเป็นตลาดใหญ่ของ TCP ได้เตรียมเดินเครื่องผลิตเครื่องดื่มกลุ่มกระทิงแดง ภายใต้โรงงานใหม่ในมณฑลเสฉวนที่กำลังก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ จากการลงทุนไป 2,000 ล้านหยวน (ประมาณ 9,800 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1,400 ล้านกระป๋องต่อปี และมีการเติบโตเป็นเท่าตัว
และในอนาคตอาจมีการขยายไลน์เครื่องดื่มกลุ่มอื่นเพิ่มเข้ามา แต่ก็ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพราะตลาดจีนมีการแข่งขันสูง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีแบรนด์ท้องถิ่นเกิดขึ้นมากมาย ถือเป็นความท้าทายของทีม R&D ที่ต้องศึกษาทิศทางพัฒนาสินค้าใหม่อย่างหนัก
ด้านตลาดในประเทศก็มีการลงทุนเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่การลงทุนใหญ่ โดยปลายปีนี้จะเริ่มเพิ่มไลน์ผลิตเครื่องดื่มประเภทขวดแก้ว 2 ไลน์ในโรงงานที่ปราจีนบุรี เพื่อมาใช้ในการผลิตเครื่องดื่มทุกแบรนด์ที่ใช้ขวดแก้ว
“ในปี 2566 เราต้องบอกว่าค่อนข้างท้าทาย ทั้งความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก และปี 2565 ที่ผ่านมาหลายๆ บริษัทได้กักตุนสินค้าเอาไว้ ทำให้ไตรมาสแรกอัตราการซื้อลดลง รายได้ในช่วงไตรมาสแรกทรงตัว แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีเราคาดหวังให้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้บริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 10-15%” สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าว
