×

สมาคมธนาคารไทยเผยช่วยลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากโควิดแล้วกว่า 2.8 แสนล้านบาท

03.03.2022
  • LOADING...
สมาคมธนาคารไทยเผยช่วยลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากโควิดแล้วกว่า 2.8 แสนล้านบาท

สมาคมธนาคารไทยเผยยอดช่วยเหลือลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากโควิดแล้วกว่า 2.8 แสนล้านบาท เตรียมพัฒนาระบบ Credit Scoring ทางเลือกวิเคราะห์ประวัติการชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ช่วยคนเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น 

 

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 สมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารสมาชิกสมาคมฯ ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งในส่วนของการแก้หนี้เดิม เช่น มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะ 1-3 มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ มาตรการแก้หนี้ระยะยาว มาตรการรวมหนี้ พร้อมกับมาตรการในส่วนของการเติมเงินใหม่ เช่น การให้สินเชื่อดอกเบี้ย และสินเชื่อฟื้นฟู ซึ่งเป็นการรักษาสภาพคล่องเดิม และการเติมเงินใหม่ให้ลูกหนี้รายย่อย ตลอดจนช่องทางการช่วยเหลืออื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง

 

โดยความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู มีสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 289,359 ล้านบาท จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 124,250 ราย ขณะที่โครงการพักทรัพย์พักหนี้ มียอดอนุมัติแล้ว 39,569 ล้านบาท จำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับความช่วยเหลือ 285 ราย โดยยังมีผู้ประกอบธุรกิจอีกหลายแห่งให้ความสนใจและอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้ถ้าดูจากภาพรวมสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นความต้องการของภาคธุรกิจที่ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจ และธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ

 

นอกจากนี้ภาคธนาคารได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Promptpay และ Smart Infrastructure เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดิจิทัลและทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2564 สมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมมือกับ ธปท., สภาหอการค้า, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น ผ่านโครงการ Digital Supply Chain Finance ภายใต้แผนงาน SMART Financial & Payment Infrastructure for Business ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับธุรกรรมการซื้อ-ขายในรูปแบบดิจิทัล ทดแทนการออกและรับเอกสารทางการค้าในรูปแบบกระดาษที่มีความไม่คล่องตัว มีข้อกังวลเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร และการใช้เอกสารเวียนขอสินเชื่อซ้ำซ้อน (Double Financing) ทำให้ยากต่อการพิจารณาสินเชื่อ 

 

โดยแพลตฟอร์มนี้จะเป็นตัวกลาง ช่วยลดช่องว่างระหว่างกลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้ซื้อ ซึ่งมีสภาพคล่องและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากกว่า ให้มีโอกาสช่วยเหลือซัพพลายเออร์ของตน เพราะขั้นตอนการขายสินค้าหรือบริการของ SMEs หลังจากออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) ต้องรอรับการชำระเงินตามเครดิตเทอม อาจมีผลต่อสภาพคล่อง 

 

ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ขาย (SMEs) เพื่อให้ได้รับเงินค่าขายสินค้าทันทีเมื่อการส่งสินค้าเสร็จสิ้น หรือเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ซื้อ เพื่อชำระเงินให้คู่ค้าได้เร็วขึ้น โดยในอนาคตข้อมูลพฤติกรรมผู้ขายและผู้ซื้อภายใต้โครงการ Digital Supply Chain Finance รวมถึงข้อมูลทางเลือกอื่นๆ เช่น ประวัติการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายรายเดือนโทรศัพท์มือถือ การซื้อขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น จะถูกจัดส่งให้บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และด้วยเทคโนโลยี AI และ Data Analytics ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จะสามารถพัฒนาขีดความสามารถทางด้าน Alternative Credit Scoring สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย 

 

ผยงกล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาคธนาคารพาณิชย์ยังมีความเข้มแข็ง มีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่อง อยู่ในระดับสูงเพียงพอในการตอบสนองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ และมุ่งมั่นสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลักดันขับเคลื่อนการเสริมสร้างความสามารถของภาคการเงินและประเทศให้แข่งขันได้ในระดับภูมิภาค

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising