×

เลือกออมเงินในแบบที่ใช่ ลดหย่อนภาษีในสไตล์ที่ชอบ

โดย SCB WEALTH
22.11.2022
  • LOADING...
ลดหย่อนภาษี

การลงทุนกองทุนในยุคปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบ หลายตลาด และหลายสินทรัพย์ ให้เราเลือกลงทุนอย่างมากมาย แต่ด้วยความที่มีให้เราเลือกอย่างหลากหลายก็อาจทำให้นักลงทุนไม่สามารถตัดสินใจลงทุนได้ โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ต้องการลดหย่อน แต่ตัดสินใจเลือกไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีก็โค้งสุดท้ายปลายปีแล้ว จริงๆ แล้วด้วยรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกันก็อาจช่วยให้นักลงทุนเลือก ตั้งเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม และตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนควรเข้าใจรูปแบบการลงทุนของผู้จัดการกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อเป้าหมายการลงทุน

 

นอกจากสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น สไตล์การลงทุนของนักลงทุนแต่ละคนก็แตกต่างกัน นักลงทุนที่โด่งดังระดับตำนานก็มีสไตล์การลงทุน วิธีการ และสินทรัพย์ ที่เน้นลงทุนแตกต่างกัน เช่น 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ปีเตอร์ ลินช์ มีชื่อเสียงจากการคิดค้นอัตราส่วนPrice-to-Earnings-Growth (PEG) ช่วยให้นักลงทุนสาย VI สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ศักยภาพในการเติบโตของหุ้นเทียบกับราคาสูงเกินจะลงทุนหรือไม่

 

จอร์จ โซรอส ผู้เชี่ยวชาญในการตีความเทรนด์เศรษฐกิจเพื่อการลงทุนในตราสารหนี้และสกุลเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโซรอสจัดเป็นนักลงทุนระยะสั้น จะศึกษาเป้าหมายจริงจังเพื่อคาดการณ์ว่าทิศทางของราคาจะไปทางไหน และพร้อมเสี่ยงเสมอไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ประเภทใดก็ตาม 

 

หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีรูปแบบการลงทุนที่มีวินัย ใจเย็น และเน้นคุณค่าอย่างสม่ำเสมอ เขาเลือกหุ้นต่างๆ ผ่านการมองภาพรวมของบริษัท และพร้อมลงทุนระยะยาวเสมือนเป็นเจ้าของร่วมของบริษัท

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเป็นสไตล์ไหนก็ไม่สามารถวัดได้ว่าถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล แต่สไตล์การลงทุนก็จะเป็นสิ่งสะท้อนว่าเราเป็นคนแบบไหน มีความรู้ด้านการลงทุนมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการลงทุนใน SSF / RMF ที่มุ่งเน้นการเก็บออมเพื่อเกษียณและสิทธิประโยชน์ทางภาษี 

 

วันนี้เรามาดูกันว่าเราเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน ตามสายที่ SCB Wealth แบ่งประเภทไว้ หรือหากเราเป็นนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มลงทุนในกองทุนประเภทนี้ จะมีกองทุนอะไรที่ตอบโจทย์เราบ้าง

 

  1. สายฮิต นักลงทุนที่เน้นลงทุนตามเพื่อน เพื่อนว่าดีเราว่าตาม สายนี้จัดอยู่ในกลุ่มชอบลงทุนในกองที่เป็น Best Seller เป็นกองทุนสายฮิตติดชาร์ตขายดีที่ใครๆ ก็ชอบมีติดพอร์ต 

 

สำหรับในปี 2565 SCB Wealth แนะนำกองทุน SSF / RMF ยอดขายอันดับ 1 จาก SCB ได้แก่ SCBRM4 ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาด และ SCBLT1-SSF ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี 70% และตราสารหนี้คุณภาพ 30

 

  1. สายเด็ด นักลงทุนที่เน้นผลตอบแทนเด่น สายนี้จัดอยู่ในกลุ่มชอบลงทุนในกองที่เป็น Top Performance มีความมั่นใจในผลตอบแทนย้อนหลัง สำหรับในปี 2565 SCB Wealth แนะนำกองทุน SSF / RMF ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนเด่น ได้แก่ SCBRMGIF ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก และ SCBLTSET-SSF กองทุน SSF เดียวในประเทศไทยที่เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET Index 

 

  1. สายฮอต นักลงทุนที่เน้นทันทุกเทรนด์การลงทุน สายนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่ชอบลงทุนในกอง Thematic อย่างเทรนด์รักษ์โลก ก็เลือกลงทุนในกลุ่มพลังงานที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เทรนด์สุขภาพ ลงทุนในกลุ่มเฮลท์แคร์ รับการเติบโตของธุรกิจและนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเกาะเทรนด์การเติบโตของตลาดเอเชีย ลงทุนในกลุ่มประเทศในเอเชีย สอดรับการเติบโตที่หลั่งไหลมาภูมิภาค 

 

สำหรับในปี 2565 SCB Wealth แนะนำกองทุน SCBRMGHC ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์, SCBRMCLEAN ลงทุนในหุ้นพลังงานทางเลือกทั่วโลก, SCBIHEALTH-SSF ลงทุนในหุ้นนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ครบวงจร และ SCBDV-SSF ลงทุนในหุ้นไทยที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ 

 

  1. สายลุย นักลงทุนที่เน้นตะลุยดัชนีหุ้นทั่วโลก สายนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่ชอบลงทุนในกอง Index กระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก ติดตามสถานการณ์ตลาดได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เพราะอิงกับดัชนีของตลาดหุ้นทั่วทุกมุมโลก สำหรับในปี 2565 SCB Wealth เฟ้นตลาดหุ้นเด่นมาให้คุณเลือกลงทุน พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว ได้แก่ SCBRMS&P500 เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ และ SCBWORLD-SSF ลงทุนในหุ้นชั้นนำ หลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศพัฒนาแล้วตามดัชนี MSCI World

 

ทั้งนี้ สไตล์ของนักลงทุนมักจะมาพร้อมกับความรู้และความเข้าใจในการลงทุนอยู่เสมอ ถ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเลยก็อาจทำให้เราเลือกการลงทุนผิดพลาด ไม่เหมาะกับตัวเราได้ อย่างไรก็ตาม ความรู้ด้านการลงทุนที่นักลงทุนทุกสไตล์ควรมีติดตัวสามารถแบ่งง่ายๆ เป็น 2 ด้าน ดังนี้ 

 

  1. พื้นฐานของบริษัทที่เราจะลงทุน (Fundamental) โดยต้องรู้จักธุรกิจของบริษัท แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจและอุตสาหกรรม รู้จักว่าผู้บริหารเป็นใคร อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญเปรียบเทียบกับคู่แข่ง การเติบโตและความเสี่ยงของธุรกิจในอนาคต และประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นได้ 

 

  1. จังหวะการลงทุน (Technical) นักลงทุนต้องรู้จักหาจังหวะซื้อ-ขายหุ้น รู้จักจังหวะตัดขาดทุนหรือปล่อยกำไร รู้จักแนวโน้มของราคาหุ้น (Uptrend, Downtrend, Sideway) และควรต้องเข้าใจพฤติกรรมของราคาหุ้น

 

สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ดีระดับหนึ่ง ทำให้ไม่หลงทาง เห็นเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น อย่างที่เรามักได้ยินบ่อยๆ ว่าผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข และผลตอบแทน ก่อนตัดสินใจลงทุน ก็ไม่เกินจริงกับสิ่งที่เราควรต้องทำ

 

แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่สายไหน ก็อย่าให้สายเกินไปโดยไม่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีก็แล้วกัน

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF / SSF ก่อนตัดสินใจลงทุน 

 

กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน รวมถึงควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้

 

ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

กองทุนบางกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งจำนวนรวมถึงบางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ดังนั้นควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตน และผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวได้ โดยสามารถศึกษาข้อมูลกองทุนหลักได้จากเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุนผ่าน SCB EASY App

 

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising