ใครจะรู้ ห่างไกลใจกลางกรุงฯ ขนาดนี้ จะมีร้านอาหารอร่อยระดับ 5 ดาว แถมเมื่อเทียบกับร้านใจกลางเมืองหลายๆ ร้าน ยังราคาและคุณภาพดีกว่าเป็นไหนๆ ด้วยความที่เจ้าของร้านอย่าง จ้อ-พัชรินทร์ เหมอังกูร แห่ง The Gourmet One นั้นเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารที่ดีที่สุดของประเทศ ซึ่งร้านอาหารดังๆ และโรงแรม 5 ดาวแทบทุกแห่งในเมืองไทยต่างก็สั่งวัตถุดิบจากที่นี่กันทั้งนั้น ประกอบกับเชฟยอดฝีมือชาวสเปนอย่างเชฟ Jose Martin Ruiz Borja ผู้เคยทำงานให้กับโรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ และอีกหลายๆ โรงแรม ทั้งคู่ได้ร่วมกันเปิดร้านนี้ขึ้น จึงทำให้ Sooooo Goood Gourmet กลายเป็นร้านอาหารที่ดีงามแห่งย่านราชวินิตบางแก้วอีกแห่ง
คอนเซ็ปต์แนว Casual Fine Dining ที่แม้จะให้ความสำคัญกับอาหาร แต่บรรยากาศร้านก็ลำลองสบายๆ ไม่ต้องเคร่งเรื่องการแต่งกายมากนัก การตกแต่งร้านจึงไม่ได้หรูหรา มีอะไรโดดเด่น แฟนซีมาก แต่สว่างไสว โปร่ง โล่ง สบาย ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารชั้นนำ จึงได้จัดให้มีวัตถุดิบโชว์เคสและเครื่องปรุงวางไว้ตามมุมต่างๆ สำหรับซื้อกลับบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อคุณภาพเยี่ยม ชีส เกลือชั้นดี เส้นพาสต้า ซอส ผักนำเข้าต่างๆ จนถึงขั้นวัตถุดิบตามฤดูกาลอย่าง White Asparagus ฯลฯ การันตีด้วยคุณภาพระดับ The Gourmet One
ไม่เพียงแต่ให้บริการอาหาร
ทางร้านยังจำหน่ายวัตถุดิบนำเข้าคุณภาพ
ในส่วนของอาหารนั้น ด้วยความที่เชฟ Jose Martin Ruiz Borja เป็นชาวสเปน และเคยทำงานให้กับร้านอาหารในโรงแรม 5 ดาวมาแล้วหลายแห่ง จึงทำอาหารได้หลากหลาย แต่ถ้าจะถามว่าอาหารของร้าน Sooooo Goood Gourmet เป็นแบบไหน ก็คงต้องตอบว่าเป็นอาหารยุโรปสไตล์โฮมมี่ ไปจนถึงเมดิเตอร์เรเนียนตามแบ็กกราวด์ของเชฟผู้มีบ้านเกิดที่เมืองซุตา เมืองเล็กๆ ที่อยู่บริเวณช่องแคบยิบรอลตา และเน้นเสิร์ฟมาแบบ Sharing Style ให้ได้แบ่งปันกัน
เชฟ Jose Martin Ruiz Borja
พ่อครัวชาวสเปน ผู้เก่งกาจและเคยทำงานให้กับโรงแรม 5 ดาวดังๆ หลายแห่ง
ตามธรรมเนียมของทางร้าน Sooooo Goood Gourmet แห่งนี้ เมื่อเริ่มมื้ออาหาร ขนมปังพร้อมกับน้ำมันมะกอกกับซอสบาซาลมิก และทาปาสจานเล็กๆ จะถูกเสิร์ฟมาให้เป็นอย่างแรก ซึ่งทาปาสนี้จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวัน โดยวันนี้ที่เรามาเยือน เชฟเสิร์ฟทาปาสเป็น ‘Lamb Croquette’ ซึ่งทอด Deep Fry มาอย่างดี ได้ทั้งรสเข้มข้นของแกะและความนุ่มนวลของมันฝรั่งที่เป็นไส้ใน ส่วนตัวขนมปังเนื้อนุ่มนั้นก็นำเข้ามาจากฝรั่งเศส
ขนมปังและทาปาส Lamb Croquette เป็น Complimentary
Cold Cut Platter หลายไอเท็มจัดเต็ม Padron Pepper พริกสเปนย่าง
สตาร์ทเตอร์วันนี้เป็น Cold Cut Platter (700 บาท) ซึ่งมีทั้ง Salchichon ไส้กรอกสเปน ซาลามี โชริโซ ไอเบอริโกแฮม ไปจนถึงปลาทูน่าดองตากแห้ง ปลาซาร์ดีนเค็ม และอีกอย่างที่เราชอบใจที่สุดก็คือพริกปาดรง (Padron Pepper) พริกสเปนย่างที่ได้ทั้งกลิ่นหอมสโมกกี้และกลิ่นเฉพาะของพริกชนิดนี้
หนวดปลาหมึกนำเข้าจากสเปนตุ๋นและย่าง
กินคู่กับมันฝรั่งบด
ตามมาด้วย Spanish Octopus Mash Potatoes Paprika Aioli (900 บาท) หนวดปลาหมึกนำเข้าจากสเปนตุ๋นและย่าง กินคู่กับมันฝรั่งบดหยดด้วยซอสนุ่มนวลที่ขึ้นด้วยโอลีฟออยตีกับครีมและใส่กระเทียมกับพริกป่นปาปริกา ซึ่งทุกคนต่างลงความเห็นว่าอร่อยมาก เพราะนอกจากจะให้หลายรสสัมผัสในจานเดียวแล้ว หนวดปลาหมึกจากสเปนยังตุ๋นได้เปื่อยนุ่ม คงความหนึบได้พอดิบพอดี แถมปรุงรสออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ จานนี้เชฟภูมิใจนำเสนอมากๆ เพราะเป็นสูตรโฮมมี่จากทางบ้านของเชฟเอง
ปาเอญาซีฟู้ดหมึกดำ
มัชรูมรีซอตโตหางวัวตุ๋น
จานต่อมาเป็นอาหารหนักท้องขึ้นมาหน่อยอย่าง Spanish Seafood Paella (3,500 บาท) ข้าวผัดสเปนซีฟู้ดหมึกดำเสิร์ฟในกระทะขนาดใหญ่ ตักแบ่งได้ 4-5 เสิร์ฟ จัดเต็มด้วยของทะเลสดๆ หลายชนิด อย่างหอยเชลล์ฮอกไกโด แคนาเดียนล็อบสเตอร์ หนวดปลาหมึกสเปน และหอยแมลงภู่ ส่วนข้าวหมึกดำก็ได้รสทั้งทะเลและครีมมี่ และอีกหนึ่งจานรีซอตโตนั่นคือ Risotto Mushroom Braised Wagyu Oxtail (950 บาท) ข้าวรีซอตโตกรุ่นกลิ่นมัชรูมปรุงมาอย่างหนึบอัลเดนเต้ ส่วนหางวัวก็ตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม มีเคล็ดลับตรงซอสตุ๋นเข้มข้นที่เชฟใส่ดาร์กช็อกโกแลตช่วยเพิ่มมิติให้กับรสชาติ
ปลากะพงฝรั่งเศสย่าง เสิร์ฟคู่ผักโขม
ปิดท้ายด้วยจานหลัก ได้แก่ Seabass Fillet Serve On Creamy Spinich (825 บาท) ปลากะพงฝรั่งเศสย่าง เสิร์ฟคู่กับผักโขมครีมมี่ใส่ไวน์ขาวและหญ้าฝรั่นแซฟฟรอน กับ Wagyu Ribeye Mash Potatoes Red Wine Sauce (2,100 บาท) เนื้อพรีเมียมวากิวแบรนด์ Westholme จากออสเตรเลีย Marble Score 8-9 เนื้อคุณภาพเยี่ยมขั้นเทพหายาก ซึ่งกระทั่งร้านดีๆ ก็ไม่ได้โควตากันทุกร้าน ใช้กรรมวิธี Wet Aged บ่มเนื้อในถุงสุญญากาศ เพื่อรักษาความชุ่มฉ่ำและรสชาติของเนื้อเอาไว้ เมื่อเนื้อที่ดีและหายากขนาดเป็นที่ต้องการของร้านดังๆ เมื่อย่างมาอย่างพอดิบพอดี ก็อร่อยโดยแทบจะไม่ต้องราดซอสไวน์แดงที่เคียงมาให้เลย ทั้งนุ่มและได้เคี้ยวในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเกลือทรัฟเฟิลกลิ่นหอมฟุ้งดีงามเสิร์ฟมาให้โรยชูรสอีกด้วย นับเป็นจานอร่อยไฮไลต์ที่สุดของมื้อนี้ที่มอบความปลาบปลื้มให้คนรักเนื้ออย่างเราเป็นที่สุด
เนื้อพรีเมียมวากิวแบรนด์ Westholme
Marble Score 8-9 เนื้อคุณภาพเยี่ยมหายากที่ร้านดีๆ ก็ไม่ได้โควตากันทุกร้าน
นอกจากนี้เรายังได้ชิมมาการองแสนอร่อยที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศสเป็นของหวานปิดท้าย และอาหารจานต่างๆ ที่อยู่ในเมนูของทางร้านแล้ว ถ้าเป็นลูกค้าที่มาบ่อยๆ จะรู้ว่าเชฟยังใจดีอีกด้วย เพียงคุณลองเอ่ยปากปรึกษากับเชฟถึงอาหารที่อยากกินดู และเพียงให้ทางร้านมีวัตถุดิบอยู่ เชฟก็เต็มใจที่จะทำอาหารจานอื่นๆ นอกเหนือจากในเมนูให้ชิมก็ได้ มากไปกว่านั้น Sooooo Goood Gourmet ยังจัดไวน์ดินเนอร์แพริ่งอาหารกับไวน์เป็นครั้งคราวอีกด้วย
เกลือ Tartufi Morra เกลือพิเศษกรุ่นกลิ่นทรัฟเฟิล
หอมฟุ้งจรุงมาก กินกับเนื้อคือดีงาม เราติดใจจนต้องซื้อกลับบ้าน
จากประสบการณ์ที่ได้ไปเยือนในครั้งนี้ต้องบอกว่า คุณภาพและรสชาติอาหารของ Sooooo Goood Gourmet นั้นดีมากๆ สมแล้วที่ทางร้านมีเอี่ยวกับผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารและจัดจำหน่ายให้กับร้านอาหารดังและโรงแรม 5 ดาวมากมาย (ที่นี่เลยทำราคาได้ย่อมเยากว่า) แม้จะไม่ได้อาศัยอยู่ในละแวกย่านราชวินิตบางแก้วหรือแถวบางนา ก็บอกเลยว่าคุ้มค่าที่จะเดินทางมาลิ้มรส แถมมาแล้วอาจได้วัตถุดิบดีๆ ติดไม้ติดมือกลับไปทำอะไรกินที่บ้านอีกด้วยนะ
Sooooo Goood Gourmet
Location: 29/31 หมู่ 13 ซอยราชวินิตบางแก้ว ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
Open: ทุกวัน เวลา 11.00-21.00 น.
Budget: 500-1,000 บาท
Contact: 06 3272 3344
Website: Facebook : Sooo Goood Gourmet
Map: https://goo.gl/maps/5j2baEksPHuvjkRA9
- ด้านการบริการอื่นๆ ทางร้านยังมีผู้จัดการร้านและผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ผู้เคยทำงานให้กับโรงแรมโอเรียนเต็ล คอยให้การดูแลลูกค้าอีกด้วย