ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นธุรกิจ F&B เปิดกว้างให้ผู้ที่มีความรักและความสนใจในด้านอาหาร-เครื่องดื่ม ไปสัมผัสกับประสบการณ์ในสิ่งที่พวกเขาชอบอย่างจริงจังและเต็มรูปแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอร์สอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง คอร์สเครื่องดื่มในค็อกเทลบาร์ หรือแม้กระทั่งคอร์สโอมากาเสะกาแฟที่มีให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน สำหรับในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักการดื่มชาในรูปแบบของ Tea Table กับร้าน ‘minimalmeal’ คอร์สเครื่องดื่มที่มีเบสเป็นชาผสมกับวัตถุดิบจากธรรมชาติ ชวนลิ้มรสชาในรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งความรู้ที่สามารถนำกลับไปครีเอตแก้วของคุณเองได้แบบไม่มีกั๊ก
เชฟพีท วรศานต์ เจ้าของคอร์สทีเทเบิล ‘minimalmeal’
minimalmeal เป็นบาร์ชาเล็กๆ ที่ควบคุมการผลิตโดยเชฟพีท วรศานต์ เชฟหนุ่มผู้คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารนิวซีแลนด์ ก่อนตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมาประเทศไทยเนื่องจากเบื่อการทำอาหารรูปแบบเดิมๆ และด้วยความชอบดื่มชา เชฟจึงทดลองพัฒนาเครื่องดื่มที่มีชาเป็นองค์ประกอบ หลังจากผ่านการคิดค้น ทดลอง พัฒนา และชิมเองในหลายครั้งหลายครา พีทจึงตัดสินใจชวนคนใกล้ตัวและเพื่อนฝูงนั้นมาลองลิ้มชิมเมนูของตนดูบ้าง ก่อนจะมีความคิดเปิดเป็นคอร์สให้กับเหล่าคนรักชาหรือคนที่ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาลองชิม
เช่นนั้นแล้ว ‘minimalmeal’ จึงเป็นมากกว่าแค่คอร์สชิมเครื่องดื่ม-ของหวานจำนวน 8 คอร์ส (เครื่องดื่ม 5 คอร์ส และของหวาน 3 คอร์ส) เพราะยังเปรียบเสมือนเวิร์กช็อปที่จะมอบองค์ความรู้เกี่ยวกับการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มของ เชฟพีท-พีท วรศานต์ เชฟผู้ซึ่งเติบโตมาในประเทศนิวซีแลนด์ และจบการศึกษาจากคณะ Fine Arts ของ University of Auckland รวมไปถึง Culinary Arts ของ Auckland University of Technology พร้อมทั้งประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการทำงานเป็นเชฟในระยะเวลากว่า 2 ปี ให้แก่ทุกๆ คนที่มาอีกด้วย
#TeaTable #Tea #minimalmeal
เมนู ROSEAPPLE
เพื่ออรรถรสในการดื่มชาให้สนุก อร่อย และดึงเสน่ห์ของชาออกมามากที่สุด เชฟจึงคุมโทนเครื่องแต่งกายด้วยโทนดำสนิท และใช้แก้วใสต่างรูปทรงในการเสิร์ฟ คอร์สแรกเริ่มต้นกันที่ ‘ROSEAPPLE’ น้ำชมพู่สกัดเย็น (Cold Pressed) จากชมพู่สดส่งตรงจากเพชรบุรี นำไปกรองด้วยกระดาษฟิลเตอร์ (Clarified) เพื่อให้ได้สีกระจ่างใส ไม่มีกากใย เสิร์ฟในแก้วใสทรงสูงพร้อมน้ำแข็งทรงกลม รสชาติหวานหอมสดชื่น ดื่มเพื่อกระตุ้นต่อมรับรส เตรียมพร้อมสำหรับเมนูถัดไป
ขั้นตอนการทำเมนู ‘MATCHA MAPRAO’
มาต่อกันด้วยเมนูเครื่องดื่มมัทฉะในคอร์สที่ 2 อย่าง ‘MATCHA MAPRAO’ หรือมัทฉะน้ำมะพร้าว เชฟเลือกใช้มัทฉะเบลนด์โกคุโจ (Gokujou) จากไร่สึจิกิ (Tsujiki) ในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต มาผสมกับน้ำมะพร้าวแก่จากอำเภอดำเนินสะดวกซึ่งมีความหอมหวานสูง เติมไซรัปดึงความหวานและโน้ตของชา ก่อนตกแต่งขอบแก้วด้วยผงถั่วคินาโกะน้ำตาลดำ (Kokuto) รสชาติหวานกำลังดี หอมกลิ่นมะพร้าวและรสชาติยังชัดเจน ดื่มง่าย นักดื่มชามือใหม่ก็ดื่มง่าย
MANGO & STICKY RICE
คอร์สที่ 3 พักเบรกรสชาติกับจานขนมหวาน ‘MANGO & STICKY RICE’ เมนูข้าวเหนียวมะม่วงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘Fruit Sando’ หรือแซนด์วิชผลไม้ของญี่ปุ่น มะม่วงน้ำดอกไม้นำมาจับคู่กับโชคุปังและวิปครีมจากนิวซีแลนด์แทนข้าวเหนียวมูนและน้ำกะทิ เปิดหน้าแซนด์วิชด้วยมะม่วงฝานท็อปด้วยถั่วทองป่น ได้สัมผัสนุ่มของโชคุปังตั้งแต่คำแรก ขณะเดียวกันตัววิปครีมเองก็จะให้ความหวานนวลไม่หวานเลี่ยนเกินไป สามารถชูรสมะม่วงที่เป็นพระเอกของจานนี้ได้ดี
‘UME & WILD HONEY’
ถัดจากเมนูขนมที่ให้รสชาติความหวานและสัมผัสที่นุ่มละมุนกันไปแล้ว ถึงคราของเมนูเครื่องดื่มสดชื่นในคอร์สที่ 4 ‘UME & WILD HONEY’ ซึ่งเชฟดองบ๊วยไว้กับน้ำผึ้งป่า ก่อนจะแบ่งตัวบ๊วยดองไปโคลด์บริวด้วยชาดำเบนิฟูกิ (Benifuki) อีกครั้ง แล้วผสมโทนิกก่อนเสิร์ฟเสริมความซ่าสดชื่น จบท้ายที่การโรย Shiro Furikake หรือใบชิโระแดงอบแห้ง มีความเค็มเล็กๆ (คนญี่ปุ่นนิยมนำมาโรยบนข้าว) ช่วยส่งให้รสชาติครบรสทั้งความเปรี้ยว เค็ม หวาน ที่ผลัดกันขึ้นมาเป็นท็อปเทสโน้ตไปจนถึงเบสโน้ต
เมนู ‘HOUJIDIRTY’
เรียกความสดชื่นเรียบร้อยก็มาต่อของหวานอีก 2 ชนิด ได้แก่ ‘HOUJIDIRTY’ หรือเดอร์ตี้โฮจิฉะสูตรพิเศษที่มีทั้งโฮจิฉะรมควันด้วยชาดำ ผงโกโก้คั่วจนหอม นมสด ไอศกรีมวานิลลา โรยพริกไทยเล็กน้อย รสชาติหนักแน่น เข้มข้น และ ‘GRANITA’ หรือเมนูของหวานแบบเกล็ดน้ำแข็งที่จะเน้นให้ความสดชื่นและความเบาสบาย ตัดรสชาติจากเมนู HOUJIDIRTY ในคอร์สก่อนหน้าได้อย่างดี
เมนู ‘GRANITA’ เนื้อส้มวาเลนเซีย
ตามด้วยกรานิตาสีเหลืองที่ทำมาจากสับปะรดและเสาวรส
ก่อนท็อปด้วยโฟมสับปะรดและใช้เปลือกมะกรูดไล่อากาศตรงบริเวณแก้ว
รสชาติหอมหวานฟู่ในปาก หอมกลิ่นเปรี้ยวหวานสดชื่น
เมนู ‘TEA & TONIC’
คอร์สที่ 7 มีชื่อว่า ‘TEA & TONIC’ เครื่องดื่มชาผสมโทนิกที่ทำขึ้นโดยเลียนแบบเครื่องดื่มมีชื่อ Gin Tonic ทว่าเปลี่ยนจาก Gin เป็นชา Ohbukudani Sencha จากเมืองอุจิ ผ่านการสกัดเย็น 2 ครั้ง ผสมกับสมุนไพรบดเพื่อดึงกลิ่นหอมออกมา ผสมโทนิกลงไป และปิดท้ายด้วยโรสแมรีเผาเล็กๆ พอส่งกลิ่นหอมในทุกจิบ
เมนู AOI AOI
ปิดท้ายคอร์สด้วยเมนูเครื่องดื่มที่มีมัทฉะ ‘AOI AOI’ (อ่านว่า ‘อาโอย’) โดยชื่อ AOI AOI มาจากวัตถุดิบหลักทั้งสองอย่าง ได้แก่ น้ำอ้อย และมัทฉะเบลนด์สายพันธุ์โอคุมิโดริ (Okumidori) และซามิโดริ (Samidori) ที่มีชื่อว่า Aoi no Hamare จากเมืองนิชิโอะ จังหวัดไอจิ
โดยสำหรับเมนู AOI AOI นั้น เชฟพีทเลือกใช้น้ำอ้อยจากจังหวัดกำแพงเพชรที่นำมาเจือจางด้วยน้ำแร่ฟูจิ นำมาตีให้เข้ากับมัทฉะ แล้วจึงเทเครื่องดื่มเสิร์ฟลงในแก้วที่มีดีไซน์สุดพิเศษอย่างรูปทรงที่คล้ายกับน้ำแข็ง ท็อปด้วยโฟมสับปะรดและมะนาว ให้ความหวานอมเปรี้ยวเมื่อดื่มในจิบแรก และความหวานหอมของน้ำอ้อยที่ผสมผสานกับโน้ตของชา นอกจากนี้เชฟพีทยังใช้เปลือกเกรปฟรุตบีบละอองน้ำเล็กๆ ให้ฟุ้งในอากาศ (Grapefruit Air) ช่วยทำให้เมนูมัทฉะน้ำอ้อยนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของเกรปฟรุตอีกด้วย
น้ำดื่มที่เชฟเลือกใช้และเสิร์ฟในคอร์ส
เป็นน้ำดื่มหลักที่เชฟใช้ในการทำเครื่องดื่มทุกเมนู
บรรยากาศคอร์ส Tea Table
minimalmeal
Open: ตามวันเวลาของคอร์สที่กำหนด
Address: 77 สุขุมวิท 19 คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10100
Budget: 2,500 บาท/คน (สูงสุดจำนวน 4 คนต่อรอบ)
Website: www.minimalmeal.com
Map: https://goo.gl/maps/gh4dfzGVAeWy4Dy7A