TASTE: Ki Izakaya อิซากายะสนุกๆ ย่านหลังสวน ให้คุณมากิน-ดื่มสไตล์ญี่ปุ่นหลังเลิกงาน

สำหรับคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมกิน-ดื่มหลังเลิกงานของชาวญี่ปุ่น ที่มักไปรวมตัวกันที่ร้านอิซากายะสักแห่ง ซึ่งการันตีว่าจะมีอาหารหรือกับแกล้มดีๆ เคล้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีไม่อั้น ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก สนุกสนาน หนักไปทางโหวกเหวกเสียงดังได้ เราอยากให้ไปลอง Ki Izakaya ร้านอิซากายะเปิดใหม่บนชั้น 9 ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ที่มีสไตล์การตกแต่งร้านทันสมัย มองไปเห็นวิวสวยๆ ของย่านหลังสวนในช่วงพระอาทิตย์ตกดินและยามค่ำคืน

เชฟฮิโรยูกิ โยโกยาม่า (Hiroyuki Yokoyama)

แสงในช่วงพระอาทิตย์กำลังตก

คิ อิซากายะ (Ki Izakaya) เป็นอิซากายะใหม่ล่าสุดที่นำคำว่า ‘คิ’ ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า บรรยากาศ และ รสชาติ เมื่อรวมกับอิซากายะแล้ว จึงให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศกิน-ดื่มอันยอดเยี่ยมของร้านอิซากายะ ที่นำโดย เชฟฮิโรยูกิ โยโกฮามา (Hiroyuki Yokohama) ผู้เคยประจำอยู่ที่ร้าน L’Atelier de Joël Robuchon ในฝรั่งเศส ดังนั้นนอกเหนือจากสถานที่ตั้งจะอยู่ในโรงแรมระดับห้าดาวแล้ว ความเหนือชั้นที่ทำให้ คิ อิซากายะ กินขาดกว่าอิซากายะเจ้าอื่นๆ จึงอยู่ที่อาหารหรือกับแกล้มที่เน้นวัตถุดิบชั้นดี ไม่ใช้ของแช่แข็ง ปรุงด้วยทักษะการทำอาหารสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมและครัวตะวันตก เราจึงมีโอกาสได้เห็นจานที่มีทรัฟเฟิล ชีสบูราตา หรือตับบดกินคู่กับขนมปัง เคียงคู่เมนูญี่ปุ่น

เมนูอาหารมีทั้งหมด 12 จาน แม้ฟังดูน้อยเมื่อเทียบกับอิซากายะเจ้าอื่นๆ ที่เมนูมาเป็นเล่มๆ แต่ต้องบอกว่าเมนูแต่ละจานนั้นผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าต้องดีทั้งรสชาติและคุณภาพ มีจานที่ชาวไทยชื่นชอบ เช่น แซลมอน เนื้อวากิว A5 ฯลฯ ซึ่งในอนาคตมีแผนจะเพิ่มเมนูให้หลากหลายยิ่งขึ้น แต่ละจานมาในปริมาณไม่ใหญ่นัก ทำให้สั่งได้หลากหลาย และสามารถเติมความพรีเมียมด้วยการท็อปด้วยอูนิ 5 กรัมในราคา 300 บาท หรือคาเวียร์ 1 กรัมในราคา 400 บาทได้อีกด้วย

วันที่ไปเยือน เรามีโอกาสได้ลอง Wasabi Shake (180 บาท) แซลมอนดิบคลุกผสมวาซาบิและไข่ปลาที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม Ki Chicken Salad (210 บาท) สลัดอกไก่ฉีก เชฟใส่ทั้งกีวีและส้มเพื่อรสเปรี้ยวอมหวาน รวมถึงไข่ เบคอน และกุ้งตัวเล็ก ก่อนกินอย่าลืมคลุกให้เข้ากันก่อน ครีบปลากระเบน (Eihire Aburi – 150 บาท) ที่นี่เลือกใช้ครีบที่หนากว่าร้านทั่วไป กินกับซอสมายองเนสที่เข้ากันเป็นอย่างดี

Wasabi Shake (180 บาท)

Ki Chicken Salad (210 บาท) และ ครีบปลากระเบน (Eihire Aburi – 150 บาท)

ต่อด้วย คุโรบูตะทงคัตสึ (250 บาท) ทงคัตสึที่ใช้แป้งเกร็ดขนมปังชาร์โคล และหมูจากฟาร์มในฮอกไกโดตอนเหนือ คัดเนื้อสันนอกที่ชุ่มฉ่ำ ทอดมาแป้งบางๆ กินกับซอสพิเศษทำจากผลไม้หมัก

วากิวและไก่เสียบไม้ย่าง (750 บาท และ 130 บาท) จานนี้ใช้เนื้อริบอายวากิวระดับ A5 ที่มีความนุ่มมัน กินกับต้นหอมญี่ปุ่นซอย และไก่ย่างเกลือที่ใช้เนื้อสะโพกมาย่างไฟให้สุกกำลังดี เหมาะเป็นกับแกล้มชั้นเยี่ยม ปิดท้ายจานหนักด้วย ข้าวหน้าหอยเชลล์ ปูหิมะจากญี่ปุ่น และโอโทโร่ (520 บาท) จานนี้ตัวข้าวดีมาก วัตถุดิบทุกอย่างสดใหม่

คุโรบูตะทงคัตสึ (250 บาท)

วากิวและไก่เสียบไม้ย่าง (750 บาท และ 130 บาท)

ข้าวหน้าหอยเชลล์ ปูหิมะจากญี่ปุ่น และโอโทโร่

ส่วนขนมหวานในร้านมี 2 ตัว ได้แก่ Matcha Sponge (110 บาท) เนื้อแป้งนุ่มเบา รสมัทฉะเข้มข้น ตัดเลี่ยนราสป์เบอร์รีช็อกโกแลต และ Iced Yuzu & Chilli (110 บาท) ไอศกรีมยูซุผสมผงพริก ท็อปด้วยสตอว์เบอร์รีเยลลี โรยเกล็ดมะพร้าว

Matcha Sponge (110 บาท) และ Iced Yuzu & Chilli (110 บาท)

แน่นอนว่าขึ้นชื่อเป็นอิซากายะ เครื่องดื่มที่เสิร์ฟในร้านต้องแน่น คิ อิซากายะ จึงมีทั้งสาเก เบียร์ จิน และวิสกี้ โดยเน้นไปที่แบรนด์ญี่ปุ่นเป็นหลัก ในขณะที่เฮาส์สาเกมีให้เลือก 3 ตัว ไต่ตั้งแต่ระดับจากอ่อนรสเบา นุ่ม ละมุน ไปจนถึงตัวหนักที่มีรสกลมกล่อมอุมามิ ราคาคราฟต์เริ่มต้นที่ 550 บาท และ 650 บาท ส่วนสาเกพรีเมียมมี 20-30 ตัวที่ขายเป็นขวด มีซิกเนเจอร์ค็อกเทล 6 ตัว และคราฟท์เบียร์หลายรายการ ซึ่งไม่มีกฎตายตัวเสียทีเดียวว่าการมากินอิซากายะ คุณต้องเริ่มจากเบียร์ สาเก แล้วจบด้วยวิสกี้แรงๆ หรือจะเปิดด้วยเบียร์ไปยาวๆ ตลอดทั้งคืน หรือขอคั้นด้วยสาเก เอาเป็นว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับสไตล์และความชอบของเราเป็นหลัก