×

ตาลีบันยึดเมืองใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของอัฟกานิสถานได้แล้ว ผู้นำ UN เรียกร้องตาลีบันยุติการโจมตีทันทีและกลับสู่การเจรจา

โดย THE STANDARD TEAM
14.08.2021
  • LOADING...
ตาลีบัน

กลุ่มตาลีบันเริ่มการควบคุมอัฟกานิสถานอย่างเข้มข้นมากขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 สิงหาคม) และสามารถยึดเมืองใหญ่อย่างกันดาฮาร์ซึ่งอยู่ทางใต้ และเฮรัตซึ่งอยู่ทางตะวันตกได้แล้วหลังจากการปะทะเป็นเวลาหลายวัน นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของรัฐบาลหลังการรุกคืบของตาลีบัน

 

กูลัม เฮบิบ ฮาชีมิ สมาชิกสภาเมืองเฮรัต ระบุกับสำนักข่าว Reuters ผ่านทางโทรศัพท์ว่า เมืองเฮรัตที่มีผู้คนอยู่กว่า 600,000 คนใกล้ชายแดนอิหร่าน ดูเหมือนกำลังเป็นแนวเผชิญหน้าและกลายเป็นเมืองร้าง เมื่อหลายครอบครัวได้ละทิ้งเมืองนี้ไปแล้ว หรือไม่ก็หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน และจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ซึ่งรายงานโดยสำนักข่าว Reuters ระบุว่าเมืองกันดาฮาร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภาคใต้ของอัฟกานิสถาน ก็อยู่ใต้การควบคุมของกลุ่มตาลีบันเช่นกัน ส่วนเมืองอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของตาลีบันในขณะนี้ เช่น ลัชคาร์กาฮ์ ทางตอนใต้, คาลาเอนอว ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเมืองเฟโรซโคห์ เมืองเอกของจังหวัดกอร์ เป็นต้น

 

นอกจากกรุงคาบูลที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ยังมีเมืองมาซาร์อีชารีฟ ทางเหนือของประเทศ และเมืองจาลาลาบัด ใกล้กับชายแดนปากีสถานทางตะวันออกด้วย

 

ด้านรองประธานาธิบดีคนแรกของอัฟกานิสถานระบุหลังการประชุมด้านความมั่นคงซึ่งมีประธานาธิบดีเป็นประธานว่า เขาภูมิใจในกองกำลังทหารของประเทศ และรัฐบาลจะพยายามทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่การต่อต้านกลุ่มตาลีบัน


การต่อสู้ดังกล่าวทำให้ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่กลุ่มตาลีบันถูกขับออกจากอำนาจก็อาจเกิดการเสื่อมถอยได้ เจ้าหน้าที่สหประชาชาติระบุว่ามีพลเมืองที่ถูกบังคับให้ละทิ้งบ้านเรือนแล้วกว่า 400,000 คนตั้งแต่ต้นปี ในจำนวนนี้เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมเดือนเดียวถึง 250,000 คน ด้านสหประชาชาติเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านของอัฟกานิสถานเปิดพรมแดนของตนเอาไว้ในขณะที่พลเมืองจำนวนมากกำลังหลบหนีการโจมตีของกลุ่มตาลีบัน ขณะที่โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติเตือนถึงหายนะด้านมนุษยธรรม และย้ำว่าการขาดแคลนอาหารเป็นสิ่งที่เลวร้าย

 

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบันยุติการโจมตีในอัฟกานิสถานทันทีและกลับคืนสู่การเจรจา โดยเตือนว่าอัฟกานิสถาน ‘กำลังเคลื่อนไปในทางที่ไม่สามารถควบคุมได้’ เขาบอกว่าข้อความจากประชาคมนานาชาติต้องชัดเจนว่า การยึดอำนาจด้วยกำลังทหารจะนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อหรือการแยกอัฟกานิสถานโดยสิ้นเชิงเท่านั้น เขาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่ยกันปกป้องพลเรือน และบอกว่าไม่สบายใจกับสัญญาณบ่งชี้ในช่วงแรกว่าตาลีบันจะบังคับใช้ข้อจำกัดด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มงวดในพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงและนักข่าว

 

BBC รายงานว่าผู้คนจำนวนหนึ่งให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในอัฟกานิสถานอย่าง ซาห์รา คาริมิ ผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอัฟกันที่กังวลว่าโลกจะหันหลังให้อัฟกานิสถาน และประเทศของเธอจะกลับไปสู่ยุคมืด และบอกว่าเธอคิดเกี่ยวกับคนรุ่นเธอที่ทำหลายสิ่งที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในอัฟกานิสถาน เธอยังบอกด้วยว่ามีผู้หญิงที่มีอายุน้อยและมีความสามารถอีกมากในประเทศนี้ 

 

ทั้งนี้สำนักข่าวต่างประเทศอธิบายว่า ชีวิตภายใต้กฎของตาลีบันมีข้อจำกัดที่เคยปรากฏเกี่ยวกับผู้หญิง เช่น ข้อจำกัดในการทำงาน การศึกษา หรือการบังคับใส่ชุดปกปิดทั้งตัวที่เรียกว่าบูร์กา เป็นต้น หรืออย่างพ่อค้าวัย 35 ปีอีกคนหนึ่งที่บอกว่าไม่มีเงินที่จะซื้อขนมปังหรือยาสำหรับลูกๆ เขาหนีออกจากจังหวัดคุนดุซทางเหนือของประเทศหลังถูกกลุ่มตาลีบันเผาบ้าน จนมาอยู่กับครอบครัวที่กรุงคาบูล ขณะที่สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า ประชาชนส่วนหนึ่งในเมืองเฮรัตและกันดาฮาร์ส่วนหนึ่งแสดงความตกตะลึง โกรธ และบอกว่าไม่คิดว่าเมืองของพวกเขาจะถูกยึดได้เร็วเพียงนี้ และรายงานว่าสมาชิกกลุ่มตาลีบันมีการจู่โจมไปยังบ้านหลายหลัง โดยส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล แต่ผู้ที่อาศัยใกล้เคียงเป้าหมายดังกล่าวก็กังวลว่าจะถูกค้นบ้านเช่นกัน

 

ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมของสหรัฐฯ ระบุว่ามีความกังวลว่ากลุ่มตาลีบัน ซึ่งถูกขับออกจากอำนาจโดยกองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2001 หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 จะมีความเคลื่อนไหวในกรุงคาบูลภายในหลายวันข้างหน้า แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังหวังว่ากองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถานจะสามารถเพิ่มแรงต่อต้านได้ในขณะที่กลุ่มตาลีบันเคลื่อนที่เข้าใกล้เมืองหลวงมากขึ้น

 

สำหรับปฏิกิริยาล่าสุดจากชาติต่างๆ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บอกว่าจะส่งทหารเพิ่มเติมจำนวน 3,000 นายภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อช่วยอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ส่วนอังกฤษจะส่งทหารราว 600 นายเพื่อช่วยอพยพพลเมืองอังกฤษออกจากประเทศ นอกจากนี้ยังมีสถานทูตอื่นและกลุ่มที่ให้ความช่วยเหลืออีกหลายกลุ่มระบุว่าจะนำผู้คนออกมาจากพื้นที่เช่นกัน ส่วนสหประชาชาติกำลังประเมินสถานการณ์เป็นรายชั่วโมง โดยยังไม่ถอนผู้ปฏิบัติงานออกจากอัฟกานิสถาน แต่มีการย้ายผู้ปฏิบัติงานส่วนหนึ่งจากส่วนต่างๆ ของประเทศมาที่กรุงคาบูล

 

ภาพ: Haroon Sabawoon / Anadolu Agency via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising