แม้ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีบนเกาะไต้หวันเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา จะจบลงด้วยชัยชนะของ ไล่ชิงเต๋อ อดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ถือเป็นการครองตำแหน่งรัฐบาลได้ติดต่อกัน 3 สมัยเป็นครั้งแรกของพรรค DPP และสะท้อนให้เห็นจุดยืนส่วนใหญ่ของชาวไต้หวันที่ยังคงต้องการแนวทางการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งกลับมองว่า ผลการเลือกตั้งดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์โดยรวมบนเกาะไต้หวัน เห็นได้จากปฏิกิริยาของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังคงเงียบเฉย ขณะที่ตัว วิลเลียม ไล่ หรือ ไล่ชิงเต๋อ เองก็ให้สัมภาษณ์หลังทราบผลการนับคะแนนว่าการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญ และรัฐบาลไต้หวันภายใต้การนำของตนจะ ‘ใช้การสนทนาแทนการเผชิญหน้า’ ในการพูดคุยกับจีน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จุดแข็งของไต้หวันในด้านเซมิคอนดักเตอร์อาจเป็น ‘จุดอ่อน’ หากจีนสามารถพัฒนาการผลิตชิปขั้นสูงของตัวเองได้ในอนาคต
-
จีนชี้ สหรัฐฯ ส่งสัญญาณไม่ถูกต้อง พร้อมประณามรัฐบาลต่างชาติ ปมแสดงความยินดีประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรค DPP ได้รับเปอร์เซ็นต์การชนะต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ทำให้ ไล่ชิงเต๋อ ตระหนักว่านโยบายของพรรคอาจไม่โดนใจชาวไต้หวันส่วนใหญ่ โดยเจ้าตัวให้คำมั่นที่จะเปิดรับแนวนโยบายของคู่แข่ง และพิจารณาบุคคลจากพรรคอื่นๆ เข้าร่วมทำงานกับรัฐบาล
บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า ท่าทีทั้งหมดหลังการเลือกตั้งถือเป็นการขจัดปัจจัยที่ไม่แน่นอนสำหรับตลาดทิ้งไป อีกทั้งตลาดเองก็คาดการณ์ถึงชัยชนะของพรรค DPP กับความพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) และพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ไว้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ผลการเลือกตั้งจึงไม่มีผลใดๆ ต่อตลาด โดยสิ่งที่ตลาดจับตามองต่อไปคือการแต่งตั้งประธานสภานิติบัญญัติไต้หวันที่จะมีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางนโยบายต่างๆ รวมถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองกับจีน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งประเมินว่า ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้คือการเจรจาและการเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดต่อเนื่องที่อาจนำไปสู่การวางแนวนโยบายแบบรวมศูนย์มากขึ้นในไต้หวันในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลเชิงบวกต่อตลาดการเงิน
กระนั้น การที่ DPP ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวันต่ออีกสมัยก็ยังทำให้นานาประเทศทั่วโลกยังคงต้องจับตาความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนในช่องแคบไต้หวันต่อไป โดยล่าสุด ทางโฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาบ่งชี้ว่าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ไม่สามารถเป็นตัวแทนความคิดเห็นกระแสหลักของสาธารณชนบนเกาะไต้หวัน ดังนั้น การเลือกตั้งนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์พื้นฐานและทิศทางการพัฒนาของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ จะไม่เปลี่ยนแปลงความปรารถนาร่วมของเพื่อนร่วมชาติทั่วช่องแคบไต้หวันในการกระชับสายสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และจะไม่ขัดขวางทิศทางการรวมชาติของจีน
นอกจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว เศรษฐกิจไต้หวันและค่าเงินยังจะถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยต่างๆ เช่น แนวโน้มการส่งออก แนวโน้มด้านเทคโนโลยี และนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งสำหรับนักลงทุน พลวัตของความสัมพันธ์ระหว่างจีน ไต้หวันและสหรัฐฯ ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะกลาง
กระนั้น ข่าวดีก็คือท่าทีของพรรค DPP ที่แสดงออกมาในขณะนี้ชี้ให้เห็นว่าทางพรรคเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับจีนมากขึ้น
ขณะที่ภาคเอกชนของไต้หวันจะยังคงแสวงหาการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อบูรณาการกลุ่มเพื่อนในตลาดที่ไม่ใช่ประเทศจีน โดยที่บทบาทที่สำคัญในการผลิตชิปจะยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูด FDI อีกทั้งด้วยความได้เปรียบในด้านประสิทธิภาพและนวัตกรรม ทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนจากต่างประเทศที่มีต่อไต้หวันยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก
อ้างอิง: