×

อัตราระบาดโควิด-19 ในสวีเดนลดต่ำ ผลลัพธ์ล็อกดาวน์เข้มหรือภูมิคุ้มกันหมู่?

โดย THE STANDARD TEAM
15.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • รัฐบาลสวีเดนมองวิกฤตโควิด-19 ว่าเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้น
  • หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สวีเดนพลิกฟื้นสถานการณ์ โดยมีอัตราผู้ติดโควิด-19 ลดลงอย่างมาก และเศรษฐกิจได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป อาจมาจากยุทธศาสตร์รับมือการระบาดของทางการสวีเดน ซึ่งแม้จะไม่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็มีเครื่องมือแห่งชัยชนะที่เรียกว่า Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคม
  • พบความสัมพันธ์กันระหว่างการลดลงของจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วในช่วง 2 ถึง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กับการเพิ่มขึ้นของประชากรที่มีภูมิคุ้มกันในหลายภูมิภาคของสวีเดน ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขสวีเดนประเมินว่า กรุงสตอกโฮล์มอาจเข้าใกล้การมีภาวะภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้น แม้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด แต่ข้อมูลเหล่านี้ยังคงเป็นที่โต้แย้งจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน ซึ่งเชื่อว่าการลดลงของผู้ติดเชื้อในสวีเดนเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์นานร่วมเดือน 

สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ตอนนี้น่าจับตามองว่าสามารถรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีกว่าหลายประเทศ หลังอัตราผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อนเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยลดลงจากปลายเดือนมิถุนายน 86% ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ยวันละ 100-300 คน

 

ขณะที่อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ต่อจำนวนประชากร ที่เคยสูงสุดในยุโรป ก็ลดลงจากกว่าวันละ 100 คนในกลางเดือนเมษายน เหลือวันละ 1 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

 

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สวีเดนพลิกฟื้นสถานการณ์กลับมา และทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะเพื่อนบ้านในกลุ่มนอร์ดิก ถูกมองว่าเป็นผลจากยุทธศาสตร์รับมือการระบาดของทางการสวีเดน ซึ่งแม้จะไม่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็มีเครื่องมือแห่งชัยชนะที่เรียกว่า Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคม 

 

ยุทธศาสตร์รับมือโควิด-19 ของสวีเดนมีอะไรบ้าง

แนวทางรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ในสวีเดน ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การรักษาระยะห่างทางสังคม เช่น การทำงานจากที่บ้านและหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การแบนไม่ให้ประชาชนรวมกลุ่มเกิน 50 คน และจำกัดจำนวนผู้เข้าเยี่ยมในสถานดูแลคนชราต่างๆ ที่ถือเป็นจุดเสี่ยง และกำหนดการให้บริการในบาร์และร้านอาหารเป็นแบบส่งอาหารไว้ที่โต๊ะเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าหยิบอาหารเองและเลี่ยงการติดต่อใกล้ชิดกับพนักงาน ซึ่งทุกมาตรการถูกออกแบบเพื่อใช้สำหรับสถานการณ์ระบาดในระยะยาว โดยรัฐบาลสวีเดนมองวิกฤตโควิด-19 ว่าเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้น

 

สวีเดนรักษาระยะห่างทางสังคมได้ดีแค่ไหน

ดร.อันเดอร์ส แทกเนลล์ นักระบาดวิทยาของรัฐบาล และผู้นำในการดำเนินยุทธศาสตร์รับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีชาวสวีเดนประมาณ 30% ที่ใส่ใจเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ขณะที่ผลสำรวจในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาพบว่า ประชากรสวีเดนราว 87% ปฏิบัติตามแนวทางรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างต่อเนื่อง

 

ซึ่งการที่ชาวสวีเดนพร้อมใจกันปรับตัวรักษาระยะห่างในที่สาธารณะ เชื่อว่าเป็นหนทางสำคัญที่ช่วยให้สวีเดนลดโอกาสในการเกิดการระบาดระลอก 2 ขึ้นได้

 

สวีเดนประสบความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่หรือไม่

ทางการสวีเดนไม่เคยประกาศว่าความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล แต่การดำเนินมาตรการป้องกันการระบาด โดยเน้นการใช้ชีวิตในสังคมแบบเปิดมากกว่าล็อกดาวน์เก็บตัวภายในบ้าน ทำให้โอกาสที่จะเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ในหมู่ชาวสวีเดนมีมากขึ้น

 

ผลการวิจัยของสำนักงานสาธารณสุขสวีเดนระบุว่า ตลอดระยะเวลาการระบาดของโควิด-19 ในยุโรปช่วง 5 เดือนแรกนั้น คาดว่ามีประชากรสวีเดนที่มีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ในร่างกายประมาณ 6% จากจำนวนประชากรทั้งหมดราว 10 ล้านคน 

 

แต่ ดร.แทกเนลล์ เชื่อว่าตัวเลขแท้จริงสูงกว่านั้นมาก เนื่องจากการวัดจำนวนประชาชนที่มีภูมิคุ้มกันทั้งประเทศนั้นทำได้ยาก

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับอัตราผู้ติดโควิด-19 ที่ลดลงอย่างมากนั้น ดร.แทกเนลล์ ระบุว่า พบความสัมพันธ์กันระหว่างการลดลงของจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กับการเพิ่มขึ้นของประชากรที่มีภูมิคุ้มกันในหลายภูมิภาคของสวีเดน ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขสวีเดนประเมินว่า กรุงสตอกโฮล์มอาจเข้าใกล้การมีภาวะภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้น แม้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด 

 

แต่ข้อมูลเหล่านี้ยังคงเป็นที่โต้แย้งจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน ซึ่งเชื่อว่าการลดลงของผู้ติดโควิด-19 ในสวีเดนเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์นานร่วมเดือน หลังวันหยุดกลางฤดูร้อนในปลายเดือนมิถุนายน ซึ่ง ลีนา ไอน์ฮอร์น นักไวรัสวิทยาชาวสวีเดน ที่มักจะวิจารณ์ยุทธศาสตร์การรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล แย้งว่าผลการตรวจทดสอบสารภูมิต้านทานบ่งชี้ว่า ชาวสวีเดนยังห่างไกลจากการเกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเป็นจุดที่ประชากรส่วนมากติดเชื้อและไวรัสหยุดการแพร่ระบาด

 

“เรากังวลจริงๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เราไม่เชื่อว่าจะสามารถพึ่งพาภูมิคุ้มกันหมู่ได้ หากสวีเดนไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย เราจะไม่เห็นสิ่งเดียวกัน เพราะผู้สูงอายุนั้นได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้น แต่ตัวเลขการระบาดก็จะสูงขึ้น” ไอน์ฮอร์นกล่าว และชี้ว่ารัฐบาลสวีเดนต้องหยุดเดินตามกระแสจากต่างประเทศใน 2 เรื่องหลัก คือการปฏิเสธที่จะกำหนดข้อบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย และความล้มเหลวในการนำผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่รู้อยู่แล้วมากักตัว

 

เศรษฐกิจสวีเดนไปรอดหรือไม่

สำหรับยุทธศาสตร์รับมือโควิด-19 ของรัฐบาลสวีเดน ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อปกป้องภาวะเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลสวีเดนพยายามมุ่งเน้นการรักษาระยะห่างทางสังคม และเชื่อว่าการเปิดสังคมให้ประชาชนยังคงใช้ชีวิตได้ จะช่วยจำกัดการเลิกจ้างงานและลดผลกระทบในภาคธุรกิจต่างๆ 

 

เศรษฐกิจสวีเดนหดตัวหนักสุดระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศยังรุนแรง โดยถือเป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจที่หนักที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าหากสวีเดนดำเนินการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด อาจฉุดให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่  

 

ขณะที่ตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 นั้นลดลง 8.6% ซึ่งยังถือว่าไม่หนักเท่าหลายประเทศในกลุ่ม EU ที่ GDP หดตัวเฉลี่ยถึง 11.9%

 

โรเบิร์ต เบิร์กควิสต์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร SEB ชี้ให้เห็นข้อดีที่เศรษฐกิจของสวีเดนนั้นมีการพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวน้อยกว่าหลายประเทศ EU เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และคาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจของสวีเดนอาจหดตัวประมาณ 4-5% ซึ่งใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านอย่างเดนมาร์กและนอร์เวย์ที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาดของโควิด-19 

 

แต่การให้ข้อสรุปถึงภาวะเศรษฐกิจของสวีเดนอาจจะยังเร็วเกินไป เนื่องจากยังมีความกังวลต่อการกลับมาระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในประเทศยุโรปอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อธุรกิจส่งออกและการค้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสวีเดน 

 

“ถ้าคุณมีปัญหาในยุโรป คุณก็จะมีปัญหาในสวีเดน” เบิร์กควิสต์กล่าว

 

ทางด้านธุรกิจในประเทศอย่างร้านค้า ร้านอาหาร หรือฟิตเนส ที่แม้จะยังเปิดให้บริการได้ แต่ก็ประสบปัญหาลูกค้าที่ลดลงอย่างมาก ขณะที่การกลับมาเปิดโรงเรียนทั่วประเทศสวีเดนในช่วงนี้ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเกิดความกังวลว่าสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 อาจหวนกลับมาอีกรอบ 

 

โดย ลีนา ไอน์ฮอร์น ระบุว่า แม้อัตราการติดเชื้อและอัตราการตายในสวีเดนจะลดลง แต่ก็ยังถือว่าสูง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในแถบยุโรปเหนือ ซึ่งเธอเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนอย่าเพิ่งการ์ดตกและคุมเข้มมาตรการป้องกันการระบาดต่อไป

 

“เรามีโอกาสทองที่จะเปลี่ยนเส้นทาง และยังสามารถทำอะไรได้อีกมากเพื่อป้องกันการระบาดระลอก 2 แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ทำมัน และนั่นคือสิ่งที่น่าเป็นห่วง” ไอน์ฮอร์นกล่าว

 

ภาพ: ShutterStock

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising