×

สวีเดนสั่งแบน ‘เพาะพันธุ์ตัวมิงค์’ หวั่นก่อเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์

โดย THE STANDARD TEAM
28.01.2021
  • LOADING...
สวีเดนสั่งแบน ‘เพาะพันธุ์ตัวมิงค์’ หวั่นก่อเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์

วันนี้ (28 มกราคม) สวีเดนออกคำสั่งห้ามการเพาะพันธุ์ตัวมิงค์จนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายลง นอกจากนั้นยังมีการเสนอให้ห้ามนำเข้าตัวมิงค์อีกด้วย

 

“สภาพแวดล้อมทั่วไปของฝูงตัวมิงค์ ซึ่งมีหลายๆ ตัวอาศัยอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด จึงเป็นสภาพที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสและการแพร่ระบาดในวงกว้าง ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อทั้งชีวิตสัตว์และสุขภาพของประชาชน” แอนน์ ลินด์เบิร์ก อธิบดีสถาบันสัตวแพทย์แห่งชาติของสวีเดนกล่าวขณะมีประกาศสั่งห้ามเมื่อวานนี้

 

ลินด์เบิร์กกล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ ประกอบกับมุมมองด้านการควบคุมการติดเชื้อ ทำให้เราพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่จะเพิ่มจำนวนตัวมิงค์ในประเทศด้วยการเพาะพันธุ์

 

สวีเดนรายงานพบตัวมิงค์ติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกช่วงปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ไม่มีรายงานพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสในฟาร์มขนสัตว์ของประเทศ ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศใกล้เคียงอย่างเดนมาร์ก และทำให้เดนมาร์กต้องสั่งฆ่าตัวมิงค์ราว 15-17 ล้านตัวเพื่อยับยั้งการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ขณะที่สวีเดนรับมือสถานการณ์นี้ต่างออกไป

 

ด้าน คริสตินา นอร์ดิน อธิบดีคณะกรรมการด้านเกษตรของสวีเดนกล่าวว่า เราเพิ่มข้อกำหนดสำหรับความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มมิงค์อย่างค่อยเป็นค่อยไป และได้ตัดสินใจเพิ่มข้อจำกัดอยู่หลายครั้ง ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในสถานที่อื่นเพิ่มขึ้น อีกส่วนคือเพื่อไม่ให้การติดเชื้อย้อนกลับมาสู่คนอีกครั้ง

 

ในงานแถลงข่าวเดียวกันนี้ รัฐบาลสวีเดนประกาศว่า ได้มีการมอบหมายให้สถาบันสัตวแพทย์แห่งชาติและคณะกรรมการด้านเกษตรตรวจสอบการเพาะเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากสัตว์ โดยจะมีการเสนอมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อระหว่างสัตว์และมนุษย์เพิ่มเติมต่อไป

 

ทั้งนี้สวีเดนพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 4,183 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 178 ราย เมื่อวานนี้ ทำให้ยอดผู้ป่วยรวมอยู่ที่ 560,472 ราย และยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 11,425 ราย

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • สำนักข่าวซินหัว
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising