คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานอำนวยการจัดงาน SX 2023 กล่าวว่า ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ โดยเราเชื่อว่างาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 หรือ SX 2023 นั้นถือเป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนที่จะเป็นโอกาสและเวทีกลางให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน เรียนรู้เรื่องความยั่งยืน เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ภายในปี 2030
ถอดรหัสด้านความยั่งยืนในทุกมิติ
สำหรับงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 จัดต่อเนื่องมา 4 ปี ถือเป็นงานเอ็กซ์โปเกี่ยวกับความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่จัดงานรวมกว่า 70,000 ตารางเมตร ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
หัวใจหลักของการจัดงานในครั้งนี้อยู่ภายใต้นิยามของคำว่า ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ (Sufficiency for Sustainability) ที่ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญกว่า 300 รายทั่วโลก และองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 500 แห่ง มาให้ความรู้ ส่งต่อแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจผ่านโครงการต่างๆ ที่ทำสำเร็จจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ควบคู่กับการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ที่จะช่วยให้องค์กรและประชาชนนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ผ่านแนวคิด Good Balance, Better World สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า
ส่องไฮไลต์เด็ดภายในงาน ‘SUSTAINABILITY EXPO 2023’
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในงานจะมีทั้งหมด 8 โซน โดยหัวใจหลักของงานคือโซน SEP หัวใจของความยั่งยืน นิทรรศการที่จะช่วยให้เข้าใจถึงมิติคู่ขนานระหว่างโลกไร้สมดุลกับโลกแห่งสมดุลที่ดี ผ่านรูปแบบ Immersive Multimedia ที่ผสานความร่วมมือจากการนำเสนอผลงาน Collaboration ของศิลปิน BAB 2018 คุณสนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ (บีน) ผนวกกลุ่มสร้างแสงและเสียงร่วมสมัย ร่วมกับภาพมหัศจรรย์บนพื้นโลกจาก NAT GEO
ร่วมถ่ายทอดผ่านแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญเกี่ยวเนื่องระหว่างองค์ประกอบและนโยบายต่างๆ ด้านความยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถนำแรงบันดาลใจไปปรับใช้ในการสร้างความยั่งยืนได้
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งไฮไลต์หลักๆ ในโซน ‘BETTER LIVING’ ซึ่งจะมีองค์กรชั้นนำขนาดใหญ่มานำเสนอกิจกรรมและโครงการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม ตามด้วยการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและการยกระดับคุณภาพชีวิตที่เกิดจากการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ 4 แกนหลัก เริ่มตั้งแต่
1. แนวทางในการดูแลบริหารจัดการน้ำ ภายในงานจะมีบูธของไทยเบฟที่มานำเสนอความสำคัญด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายของบริษัท เพื่อให้ลดการใช้น้ำและนำทรัพยากรน้ำกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ที่สำคัญยังได้ต่อยอดนโยบายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มไทยเบฟ หากย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยเบฟได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ การบริหารจัดการของเสีย การบริหารจัดการน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ เริ่มต้นด้วยโครงการการบริหารจัดการน้ำชุมชนของไทยเบฟ
ตามด้วยโครงการไทยเบฟรวมใจต้านภัยหนาว กับการนำเอาขวดพลาสติก PET หลังการบริโภคเข้าสู่ระบบรีไซเคิล และนำมาผลิตเป็นเส้นใย rPET เพื่อทำเป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก พร้อมกับวิธีการจัดการขยะ และเสริมข้อมูลบรรจุภัณฑ์ของแต่ละผลิตภัณฑ์
รวมถึงในมุมสังคม ไทยเบฟนำกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคและได้สนับสนุนโครงการต่างๆ โดยเน้นย้ำงานด้านสังคม ผ่าน 6 แกนหลัก ได้แก่ การพัฒนาด้านสาธารณสุข, การศึกษา, กีฬา, ศิลปะและวัฒนธรรม, การพัฒนาชุมชน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
2. การลดคาร์บอนในหลากหลายมิติ ซึ่งปัจจุบันไทยเบฟได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 2.5% ต่อปี
3. ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยจะมีหลายองค์กรมาช่วยสะท้อนความสำคัญของความยั่งยืน ผ่านความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างบูธของ BJC Glass ที่ได้นำเสนอขวดแก้ว บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่มีจุดเด่นคือการนำเศษแก้วหมุนเวียนกลับมาผลิตใหม่ จนทำให้ปัจจุบันสามารถใช้ในการผลิตได้ถึง 85% และลดการใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
4. การจัดการของเสีย คือการลด การใช้ซ้ำ และการนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ยกตัวอย่างจากบูธของโครงการ Aluminium Loop เป็นการเก็บกระป๋องอะลูมิเนียมกลับมาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มกระป๋องอะลูมิเนียมใหม่อีกครั้ง
ทั้งหมดในโซน BETTER LIVING มีเป้าหมายเพื่อการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero
ขณะที่โซนอื่นๆ ภายในงาน เริ่มตั้งแต่ โซน ‘BETTER ME’ มีหลายองค์กรมาอัปเดตเทรนด์สุขภาพและนวัตกรรมทางการแพทย์ในรูปแบบของ Application และ AI ที่จะนำไปสู่แนวทางการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้จริง ผ่าน 3 มิติ ได้แก่ สุขภาพ สังคมสูงวัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ตามด้วยโซน ‘BETTER COMMUNITY’ ที่เน้นเปิดเผยมุมมองและเรื่องราวของสังคมเพื่อสร้างความเท่าเทียม รวมถึงการเปิดตลาดงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล พร้อมนำเสนอแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะความรับผิดชอบต่อสังคม ที่จะต้องมีการรวมตัวกัน การสืบสาน รักษา และต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรม ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงต้นแบบของการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน ทั้งชุมชน เมือง และภูมิภาค
รวมถึงโซน ‘BETTER WORLD’ ที่ได้รวมงานศิลป์มาสะท้อนมุมมองความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ เช่น NAT GEO สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย และผลงานนานาชาติ 10 ประเทศอาเซียนที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน จากโครงการ ASEAN SX Photo Contest และโครงการ Trash to Treasure เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์ทรงคุณค่า พร้อมทั้งกิจกรรมต่างๆ ให้ร่วมประสบการณ์ใหม่ๆ
และยังมีโซนเทศกาลอาหารเพื่อโลก ‘SX FOOD FESTIVAL’ เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลอาหารจากเชฟชื่อดัง หลากหลายร้าน และได้จำลองจุดแลนด์มาร์กชื่อดังร่วมสมัยในกรุงเทพฯ เมืองเก่าภูเก็ต และหัวเมืองสำคัญของไทยมาไว้ในที่เดียวกัน ผ่านธีม ‘THAI STREET FOOD MUSEUM : ไทยสตรีทฟู้ด ไทยสตรีทกู้ด ดีต่อไทย ดีต่อโลก’ ที่จะเน้นเสิร์ฟอาหารแนว Zero-Waste Cooking และแนว Sustainable Food ประเภทต่างๆ ถือเป็นการเรียนรู้การจัดการขยะอาหารเพื่อความยั่งยืนแบบเต็มรูปแบบ
ตามด้วยโซน ‘SX MARKETPLACE’ รวมร้านค้าจากดีไซเนอร์รักษ์โลก สินค้านวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ สินค้าตกแต่งบ้าน และสินค้าชุมชนกว่า 200 ร้านค้ามาไว้ในที่เดียว และโซน ‘SX KIDS ZONE’ ได้เปิดพื้นที่ให้เรียนรู้ทั้งในด้าน Digital Experience และ Environmental ที่สามารถสร้างจินตนาการและเสริมทักษะให้แก่เด็กๆ
พร้อมกันนี้ยังมีโซน ‘REPARTMENT STORE’ จุดเรียนรู้การแยกขยะ และจุดดรอปพอยต์ ที่เปิดให้นำสิ่งของที่ใช้แล้วมาแบ่งปัน ภายใต้แนวคิด ‘รวมให้ รวมแบ่งปัน’ ซึ่งของเหล่านั้นสามารถ Reduce, Reuse และ Recycle เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและสังคมไร้ขยะที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ งาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 จัดตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 8 ตุลาคม 2023 เวลา 10.00-20.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถเข้าชมได้ฟรี เพื่อสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า