วันนี้ (25 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จะยื่นฟ้องมาตรา 157 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หากไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่า มีสิทธิ์ฟ้อง เพราะเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่ไม่ควรฟ้อง และที่สำคัญ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังมีช่องทางที่จะได้รับการเยียวยาหลายช่องทาง ซึ่งควรจะไปใช้ช่องทางปกติ โดยสมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ก็ยื่นฟ้องเช่นกัน
แนะ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ รอ ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัย
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้เขียนเอาไว้ว่า หากใครได้รับความเดือดร้อนจากผู้บังคับบัญชาก็สามารถยื่นร้องทุกข์ได้ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ ก.พ.ค.ตร. ในการตัดสิน หากตัดสินอย่างไรให้เป็นไปตามนั้น ซึ่งเวลานี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ก.พ.ค.ตร. ฉะนั้นการที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุว่า อนุกรรมการ ก.ตร. ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ต้องถูกส่งไป ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยในเร็ววันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ควรรอคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ทุกคนควรจะรอ เว้นแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปแก้ไขเยียวยาเอง ซึ่งใช้เวลานาน แต่ว่า ก.พ.ค.ตร. ได้รับเรื่องไว้นานแล้ว ฉะนั้นเวลาน่าจะเหลือประมาณ 1 เดือน
มติ ครม. ต้องทำตามกฤษฎีกามีอยู่จริง
เมื่อถามว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มีการอ้างมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี พ.ศ. 2482 ว่าหน่วยงานใดที่หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานนั้นต้องทำตาม วิษณุกล่าวว่า มีอยู่จริง ออกมาตั้งแต่สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม และใช้ตั้งแต่นั้นมา
ยืนยันกฤษฎีกา-คณะกรรมการตรวจข้อขัดแย้งฯ ไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด
เมื่อถามว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ จะยึดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการต่อสู้ และมีสิทธิจะชนะใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด ยิ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มี ฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ยิ่งไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด และในวันที่ตนแถลงข่าวก็ไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด แค่มาเล่าให้ฟังเท่านั้นว่าคณะกรรมการทั้งสองชุดว่าอย่างไร
แคนดิเดต ผบ.ตร. ขึ้นอยู่กับมติ ก.ตร.-นายกฯ
วิษณุกล่าวอีกว่า ในวันนั้นมีผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ได้อยู่หรือไม่ ตนจึงตอบว่าใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่ง พล.ต.อ. และเป็นรอง ผบ.ตร. ก็มีโอกาสทั้งนั้น แต่สุดท้ายจะได้เป็นหรือไม่ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งมติ ก.ตร. และอยู่ที่นายกฯ จะเสนอชื่อใคร เหมือนเช่นตอนที่เสนอชื่อ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล
ส่วนเป็นเหตุผลที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หยิบขึ้นมาอ้าง วิษณุกล่าวว่า ทุกคนก็เอาสิ่งที่ตนได้ประโยชน์มาอ้าง ไม่มีใครอ้างในสิ่งที่เป็นโทษ
แนะร้องศาลปกครองหากไม่พอใจผลสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้กลายเป็นว่ามีการเอาผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ ที่มีฉัตรชัยเป็นประธาน ไปต่อยอดฟ้องร้องกัน วิษณุกล่าวว่า ก็เป็นคดีใหม่ ส่วนคดีเก่าคือคดีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ซึ่งเรื่องจบไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนกรณี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และคนอื่นๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“เป็นธรรมดาเหมือนคดีทั่วไปที่จบอีกเรื่องก็มีอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา และถือเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับองค์กร ไม่เกี่ยวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขอย้ำประโยคนี้ว่าเขาออกแบบไว้ให้ ก.พ.ค.ตร. เป็นผู้ตัดสินปัญหา ก็ต้องใช้ช่องทางนี้ หากผลตัดสินของ ก.พ.ค.ตร. ไม่เป็นที่พอใจ ก็ไปร้องศาลปกครองได้อีก” วิษณุกล่าว
อาจมีแก้เกมสกัด พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ นั่ง ผบ.ตร.
เมื่อถามว่าตอนนี้ตกลง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ สามารถกลับเข้ามาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ได้หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า “ถ้าดูจากวันนี้เดี๋ยวนี้ตอบได้ว่ามี แต่ถ้าต่อไป อาจมีการแก้เกมอย่างอื่นจนไม่ได้เป็นก็ได้ เพราะมันยังมีช่องกฎหมายอีกเยอะ ซึ่งตามช่องที่คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกกระบวนการไม่ชอบ และเป็นเอกฉันท์ด้วย”
ทุกอย่างต้องถูกต้องก่อนทูลเกล้าฯ
เมื่อถามย้ำว่ากระบวนการทั้งหมดจะไม่สามารถดำเนินการได้หากยังไม่มีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า “ใช่”
เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสที่จะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า เขาจะไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ แน่ เว้นแต่ ก.พ.ค.ตร. จะสั่งลงมา แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่เขาบอกว่าหนังสือที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้นมีข้อสังเกตว่าควรจะถูกต้องตามกระบวนการ เพราะมีตัวอย่างมาแล้วนับสิบเรื่องที่กระบวนการไม่ถูกแล้วถูกส่งกลับมา
ดังนั้นต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร. และรัฐบาลเองก็ฟัง ก.พ.ค.ตร. จะเอาอย่างไรก็เอาตามนั้น