×

ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้นับโทษขัง คดีหมิ่นประมาทอภิสิทธิ์ต่ออีก 11 เดือน 16 วัน คุมตัวจตุพรเข้าเรือนจำทันที

โดย THE STANDARD TEAM
08.07.2021
  • LOADING...
จตุพร พรหมพันธุ์

วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งฎีกาในคดีที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ขอให้ยกเลิกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด ซึ่งออกโดยศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ในคดีที่อภิสิทธิ์เป็นโจทก์ ในคดีหมายเลขดำ อ.4176/2552 (คดีหมายเลขแดง อ.240/2558) ยื่นฟ้อง จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 กรณีกล่าวหาอภิสิทธิ์ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ให้จำคุกจตุพร 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และให้นับโทษคดีจำคุกจตุพรต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 (หมายเลขดำ อ.1962/2552) กรณีกล่าวหาเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน 

 

สำหรับคำร้องอุทธรณ์ของอภิสิทธิ์ดังกล่าวระบุว่า เมื่อคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ อ.4176/2552 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกจตุพร 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และให้นับโทษคดีจำคุกจตุพรต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 (หมายเลขดำ อ.1962/2552) แล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้นับโทษจตุพรต่อ แต่จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นและศาลฎีกาไม่มีอำนาจพิพากษาให้นับโทษจำคุกจตุพรต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 จำเลยจึงขอให้ศาลแก้ไขคำพิพากษายกเลิกหมายจำคุกถึงที่สุดฉบับเก่า (ที่ให้มีการนับโทษต่อ) และให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วก็มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย เพราะว่ายกเลิกคำพิพากษาเดิมที่ให้นับโทษต่อไม่ได้ โดยศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาถึงที่สุด และมีการออกหมายตามคำพิพากษาแล้ว

 

จำเลยก็ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวอีก โดยศาลชั้นต้นก็ได้เรียกตัวจำเลยมาสอบถาม ซึ่งแถลงว่าหมายที่ให้นับโทษจำคุกคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนนั้นไม่ถูกต้อง ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นตรวจสอบรายงานกระบวนพิจารณาใหม่อีกครั้งปรากฏว่าในคดีหมิ่นประมาทนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้ให้นับโทษจำคุก แต่ศาลอุทธรณ์มีการย่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าให้นับโทษจำเลยต่อ ซึ่งไม่ถูกต้อง จนเมื่อผลคดีถึงที่สุด ก็เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกถึงที่สุดโดยผิดหลงด้วยการให้นับโทษต่อ ดังนั้นศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องและเป็นธรรมกับตัวจำเลย โดยให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ไม่ต้องนับโทษจตุพร จำเลยต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวน ซึ่งระบุวันนับโทษตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2560 โดยไม่หักวันต้องขังให้จำเลย 

 

ทั้งนี้โจทก์เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นไม่นับโทษจำคุกจตุพร จำเลย ต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้หมายเรียกจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ต้องนับโทษคดีอาญาต่อ ขณะที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของอภิสิทธิ์แล้วให้ยกคำร้อง โจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์ 

 

โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายนม 2562 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้การออกหมายจำคุกถึงที่สุดจะเป็นเรื่องการบังคับโทษตามคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจดำเนินการก็ตาม แต่การออกหมายบังคับตามโทษนั้นจะต้องให้ถูกต้องกับโทษที่จำเลยควรได้รับตามความเป็นจริงด้วย ซึ่งการที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ให้นับโทษจำคุกจตุพร จำเลยต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดง อ.4907/2555 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และการที่ศาลชั้นต้นได้ยกเลิกหมายจำคุกดังกล่าวแล้วออกหมายบังคับโทษใหม่ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 โดยอ้างว่าหมายจำคุกเดิมที่ศาลชั้นต้นออกนั้นทำโดยผิดหลง เนื่องจากศาลชั้นต้นที่เคยมีคำพิพากษาคดีนั้น ไม่ได้ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดง อ.4907/2555 แต่ศาลอุทธรณ์ย่อคำพิพากษาว่า ศาลชั้นต้นให้นับโทษคดีต่อกันกับอีกสำนวนหนึ่งนั้น ความจริงศาลชั้นต้น (คดีหมายเลขดำ อ.4176/2552) พิพากษาให้นับโทษจำคุกจตุพรจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 ตรงตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาย่ออยู่แล้วไม่ได้เป็นข้อผิดพลาด 

 

ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นเคยยกเลิกหมายจำคุกถึงที่สุดฉบับเก่านั้น น่าจะเกิดจากความคลาดเคลื่อนผิดหลงของศาลชั้นต้นเอง อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

 

จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.4907/2555 และให้ยกเลิกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของจำเลย ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 กับให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป (ที่ให้นับโทษจำคุกจตุพร คดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.4176/2552 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.4907/2555)

 

ภายหลังฟังศาลอุทธรณ์ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจตุพร ระหว่างจะฎีกา โดยมีหลักประกัน 2 แสนบาท ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ 

 

วันนี้จตุพร จำเลย เดินทางมาฟังคำสั่งศาลฎีกา พร้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจ

 

ต่อมาเมื่อเวลา 16.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้นับโทษต่อคดีหมายเลขดำ อ.4176/2562 หมิ่นประมาท อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุก 2 กระทง กระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือน คดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 โดยในวันนี้ทางศาลอาญาได้ออกหมายขังจำคุกคดีถึงที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้จตุพรเคยถูกจำคุกคดีนี้แล้ว 14 วัน จึงต้องนำมาหักจากโทษจำคุก 12 เดือน รวมต้องจำคุกจตุพร อีก 11 เดือน 16 วัน 

 

หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจตุพรไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  ต่อไป

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising