×

สุพัฒนพงษ์เปิดแผนงานปี 64 พุ่งเป้าดึงต่างชาติลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว ย้ำระยะสั้นคลายกังวลแล้ว

19.11.2020
  • LOADING...
สุพัฒนพงษ์เปิดแผนงานปี 64 พุ่งเป้าดึงต่างชาติลงทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว ย้ำระยะสั้นคลายกังวลแล้ว

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ออกมาติดลบ 6.4% ถือเป็นตัวเลขที่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ติดลบ 8% 

 

โดยตัวเลขที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ สศช. ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ใหม่เป็นหดตัวน้อยลงเหลือ 6% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวราว 7.5% 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ หลักๆ มาจากการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ทั้งในส่วนการบริโภคภาครัฐที่ขยายตัวได้ 3.4% และการลงทุนภาครัฐที่เติบโต 18.5% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนหดตัวน้อยลงเหลือลบ 0.6% ส่วนหนึ่งจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทั้งหมดนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้

 

สำหรับแนวโน้มในระยะข้างหน้า นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากมาตรการรักษาระดับการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

 

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกกับทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ว่าเศรษฐกิจระยะสั้นเราไม่ห่วงมากแล้ว เพราะได้วางมาตรการต่างๆ ไว้เรียบร้อย หากจำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่ม ก็จะเป็นลักษณะขยายระยะเวลามาตรการเดิมที่มีอยู่ออกไป เช่น มาตรการคนละครึ่ง ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว

 

“ระยะสั้นน่าจะโอเคแล้ว มาตรการที่ออกมาสามารถทำซ้ำได้ ไม่จำเป็นต้องหามาตรการอะไรใหม่ๆ ซึ่งมาตรการที่เราทำออกมาก็ออกแบบกันอยู่นาน คิดกันถึงขนาดอยากให้ใช้ได้ทุกวัน จึงเป็นที่มาที่ให้ใช้วันละ 150 บาท ซึ่งพนักงานที่ถูกลดเงินเดือนก็สามารถใช้มาตรการเหล่านี้ได้ เป็นการช่วยประคองกำลังซื้อ”

 

รองนายกรัฐมนตรีบอกด้วยว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะเร่งออกมาตรการเพื่อดูแลเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาวมากขึ้น เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยในปีหน้าจะเน้นผลักดันการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ดังนั้นในปีหน้าเราจะเห็นภาคเอกชนลงทุนกันมากขึ้น 

 

นอกจากนี้ในปีหน้ารัฐบาลจะเร่งดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลักดัน 7 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles หรือ EV) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) เป็นต้น เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ 

 

“ผมให้โจทย์ไปว่า เราต้องหา 10 บริษัทในฝันที่อยากให้เขามาลงทุนใน 7 อุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ เรากำลังดูว่าควรต้องมีบริษัทอะไรบ้าง”

 

สุพัฒนพงษ์ย้ำว่า ในปี 2564 จะต้องเป็นปีแห่งการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ซึ่งแน่นอนว่า การลงทุนกว่าจะเห็นผลเชิงตัวเลขต้องใช้เวลา ดังนั้นแล้วเศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังต้องพึ่งพากำลังซื้อจากภายในประเทศอยู่ แต่ผลของการดึงดูดการลงทุนจะไปออกดอกผลในปีถัดไป จึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ค่อนข้างดี

 

“ปีหน้ายอมรับว่ายังเหนื่อยและก็ยาก แต่เป็นความยากที่เรายังพอเห็นโอกาสและขับเคลื่อนด้วยความแน่วแน่ ผมเชื่อว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก ซึ่งไม่เคยสงสัยในข้อนี้เลย”

 

ส่วนปัญหาสภาพคล่องและหนี้ที่มีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์ และสมาคมธุรกิจ ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อดูแลในเรื่องนี้ เนื่องจากมีความเข้าใจลูกหนี้เป็นอย่างดี ว่าควรจะช่วยเหลือรายใดและช่วยอย่างไรโดยเร็วที่สุด หากเกินกำลัง รัฐก็พร้อมเข้าไปเสริมให้เดินหน้าไปได้

 

นอกจากนี้ ยังขอให้ทางตลาดทุนได้ช่วยกันคิดค้นเครื่องมือรูปแบบใหม่ๆ ที่มีต้นทุนไม่แพง เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการเสริมสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ที่มีปัญหา พอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยดูแล

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising