สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้สั่งให้กระทรวงการคลังไปคิดโครงการกระตุ้นให้คนมีเงินออมออกมาใช้จ่ายเหมือนโครงการช้อปดีมีคืน เนื่องจากพบว่ามีผู้ออมเงินของปีที่แล้วค้างอยู่จำนวนมาก
สำหรับมาตรการจะคล้ายๆ โครงการคนละครึ่ง หรือ โครงการช้อปดีมีคืน เพื่อดึงคนที่มีเงินออมเหลือจำนวนมากให้ออกมาใช้จ่าย โดยให้ออกมาตรการมาให้เร็วที่สุด
สุพัฒนพงษ์กล่าวว่า โครงการให้เลือก โดยคนมีฐานะ มีเงินออมเยอะ สามารถใช้จ่ายได้ในอัตราที่สูงก็จะได้ประโยชน์จากการที่ใช้วงเงินที่มากขึ้น แต่เงินสนับสนุนของรัฐน้อยลง โดยให้กระทรวงการคลังไปคิดออกมาให้เร็วที่สุด
“เดิมโครงช้อปดีมีคืนออกมาใช้ช่วงปลายปี แต่คราวนี้ให้ไปคิดรูปแบบใหม่ เพื่อไม่ให้ไปโดนเรื่องรายได้ภาษี ต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้นำมาใช้ในส่วนของ พ.ร.ก. เงินกู้ที่ยังเหลืออยู่ 2 แสนล้านบาท”
สุพัฒนพงษ์กล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังได้รายงานความคืบหน้าและผลสัมฤทธิ์ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่งเฟส 2 ต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งโครงการดำเนินไปได้ด้วยดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือในรายละเอียดโครงการเราผูกพันสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อย
“นายกรัฐมนตรีให้แนวทางไว้ว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ดีให้พิจารณาต่อ ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 3 คงไม่ทันเดือนเมษายนนี้ แต่จะพยามทำให้เร็วที่สุดต่อจากโครงการเราชนะที่จะสิ้นสุดโครงการในเดือนพฤษภาคมนี้”
ส่วนประเด็นเรื่องการแก้ไขร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ พ.ร.ก. Soft Loan ว่าอยู่ระหว่างการพิจารณา ปัจจุบันมีผู้ได้รับประโยชน์ไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท คงเหลือราว 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในหมวดเดียวกันกับมาตรการโกดังพักหนี้ (Asset Warehousing) โดยจะมีการรับฟังความเห็นจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันในวันพรุ่งนี้หรือไม่
“ผมคิดว่าหลักการ (แก้ไข พ.ร.ก. Soft Loan) ควรจะเป็นแบบนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังรู้โจทย์แล้ว และเริ่มสะเด็ดน้ำว่าจะแก้ไขอย่างไร”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า