×

ระเบิดเวลา ‘หมอจบใหม่’ เมื่อเกิดเคสกระโดดตึก สะท้อนปัญหาระบบแพทย์อินเทิร์นที่ต้องปรับปรุง

07.07.2021
  • LOADING...
ระเบิดเวลา ‘หมอจบใหม่’

ช่วงสถานการณ์โควิด หนึ่งในตัวเลขที่พุ่งสูงไม่แพ้กับจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม คืออัตราการฆ่าตัวตายที่ขยับขึ้นจากร้อยละ 6.64 ต่อประชากรแสนคน เป็นร้อยละ 7.37 ต่อประชากรแสนคน ถือว่าสูงสุดในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา

 

หนึ่งในกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะความเครียดในช่วงวิกฤตอย่างหนักคือ บุคลากรทางการแพทย์ 

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองสระแก้ว ได้รับแจ้งเหตุ มีคนตกลงมาจากอาคารของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ ‘แพทย์จบใหม่’

 

เพื่อนผู้เสียชีวิตได้กล่าวว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 3 วัน ผู้เสียชีวิตได้มาปรึกษาเรื่องความเครียดจากการได้รับมอบหมายตารางเวรที่ ‘หนักเกินไป’

 

ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตยืนยันว่าแพทย์ผู้นี้ไม่มีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้า มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวตามปกติ และได้เปิดเผยตารางเวรของผู้เสียชีวิต 

 

พบว่าต้องทำงานติดต่อกัน 48 ชั่วโมงตั้งแต่วันแรกของการทำงาน และบางวันก็มีเวลาพักผ่อนจากภาระงานเพียงแค่ 4.30 ชั่วโมง

 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และอีกหลายกรณีการฆ่าตัวตายของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ และบุคลากรทางการแพทย์ก่อนหน้าที่ได้อุบัติขึ้น 

 

THE STANDARD สรุปประเด็นชวนตั้งคำถามถึงปัญหาของระบบแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (อินเทิร์น) ซึ่งอาจจะไม่ได้ปรากฏปัญหาขึ้นในช่วงสภาวะการระบาดของโควิดเท่านั้น แต่ได้สะสมกลายเป็นระเบิดเวลามาอย่างต่อเนื่อง

 

เหตุการณ์แพทย์จบใหม่ฆ่าตัวตาย 

  • วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองสระแก้ว ได้รับแจ้งเหตุคนตกลงมาจากอาคารของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยทราบว่าผู้เสียชีวิตคือแพทย์จบใหม่จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มาประจำในโรงพยาบาลที่เกิดเหตุได้ 7 วัน 
  • ด้านเพื่อนผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 3 วัน ผู้เสียชีวิตได้มาปรึกษาเรื่องความเครียดจากการได้รับมอบหมายตารางเวรที่มีความหนักเกินไป ในขณะที่ตนเองเป็นเพียงแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (อินเทิร์น) เท่านั้น
  • หลังเกิดเหตุการณ์ หลายสำนักข่าวรายงานว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า (ต่อมาญาติยืนยันว่าไม่มีอาการดังกล่าว) 
  • ต่อมาทางโรงพยาบาลได้เปิดประชุมคณะผู้บริหาร เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไข และป้องกันไม่ให้มีกรณีนี้เกิดขึ้นกับแพทย์จบใหม่อีก 

 

เปิดข้อมูลอีกด้านของครอบครัวแพทย์ผู้เสียชีวิต เผยตารางเวร-ส่งจดหมายไปยังโรงพยาบาล

  • ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุได้ออกมาส่งหนังสือไปยังผู้บริหารโรงพยาบาลเพื่อชี้แจงว่า แพทย์คนดังกล่าวไม่มีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้า มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวตามปกติ 
  • พร้อมทั้งเปิดเผยตารางเวรของผู้เสียชีวิต พบว่าในระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตารางเวรของแพทย์จบใหม่มีดังนี้
    • 31 พ.ค. 16.30 น. – 2 มิ.ย. 16.30 น. (ทำงานติดต่อกัน 48 ชั่วโมง จากนั้นพัก 8 ชั่วโมง)
    • 3 มิ.ย. 00.30 น. – 12.00 น. (ทำงานติดต่อกัน 11.30 ชั่วโมง พัก 17 ชั่วโมงเนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ)
    • 4 มิ.ย. 05.00 น. – 16.00 น. (ทำงานติดต่อกัน 11 ชั่วโมง พัก 8 ชั่วโมง)
    • 5 มิ.ย. 00.30 น. – 12.00 น. (ทำงานติดต่อกัน 11.30 ชั่วโมง พัก 19 ชั่วโมงเนื่องจากหยุดวันเสาร์)
    • 6 มิ.ย. 07.00 น. – 12.00 น. (ทำงานติดต่อกัน 5 ชั่วโมง พัก 4.30 ชั่วโมง) ทำงานต่อ 16.30 น. – 00.30 น. (ทำงานติดต่อกัน 8 ชั่วโมง พัก 4.30 ชั่วโมง)
    • 7 พ.ค. 05.00 น. – 8 พ.ค. 16.30 น. (ทำงานติดต่อกัน 35.30 ชั่วโมง)
    • รวมแล้วอยู่เวรนอกเวลาราชการถึง 61 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 
  • จากการศึกษาข้อมูลแพทย์จบใหม่ โดย นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทยสภา ในปี 2562 พบว่า 60% ของแพทย์ ต้องทำงานนอกเวลาราชการถึง 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เมื่อรวมกับในเวลาราชการ 40 ชั่วโมงแล้วเป็น 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทั้งที่ 1 สัปดาห์มีเพียง 168 ชั่วโมงเท่านั้น และ 90% ของแพทย์ ยอมรับว่าความผิดพลาดในการรักษาผู้ป่วยเกิดจากภาระงานที่มากเกินไปและการอดนอน
  • ในขณะที่ประกาศจากแพทยสภา เรื่องการกำหนดกรอบเวลาการทำงานของแพทย์ภาครัฐ ปี 2560 ได้กำหนดให้แพทย์เพิ่มพูนทักษะควรมีชั่วโมงการทำงานนอกเวลาราชการไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
  • ทางครอบครัวจึงตั้งคำถามไปยังโรงพยาบาลว่ามีการจัดตารางเวรอย่างไรถึงใช้แรงงานแพทย์จบใหม่หนักขนาดนี้
  • รวมถึงตั้งคำถามไปยังระบบอาจารย์แพทย์ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลสำหรับแพทย์จบใหม่ ว่ามีหลักเกณฑ์การคัดเลือกอาจารย์อย่างไรถึงทำให้แพทย์จบใหม่ต้องตกอยู่ในสภาวะกดดันแทนที่จะให้คำปรึกษาและสร้างความมั่นใจอย่างถูกต้อง
  • โดยทางครอบครัวคาดหวังที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของระบบจากการสูญเสียในครั้งนี้ และไม่อยากให้มีแพทย์หลุดออกนอกระบบจากกรณีเช่นนี้อีก เนื่องจากประเทศของเรายังต้องการบุคลากรทางสาธารณสุขอีกมาก
  • “เราไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบหายไปด้วยการประโคมข่าวว่าเป็นหมอที่เป็นซึมเศร้า หรือเป็นเพราะครอบครัว เราไม่ได้จะบอกว่าสาเหตุนั้นเกิดจากอะไร เราบอกไม่ได้ เราเองก็อยากรู้ แต่ที่เรารู้คือพี่ของเราไม่มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีปัญหาทะเลาะกับครอบครัว เรายังช่วยพี่จัดกระเป๋าเตรียมตัวไปสระแก้วอยู่เลย แต่ทําไมแค่ 7 วันเท่านั้นที่พี่เดินออกจากบ้านไป ถึงกลับมาบ้านเป็นรูปถ่ายและเถ้ากระดูก มันเกิดอะไรขึ้น” ญาติของผู้เสียชีวิตกล่าวขณะให้สัมภาษณ์

 

ความเคลื่อนไหวจากแพทยสภาและโรงพยาบาล

  • ในเวลาต่อมา ทางแพทยสภาได้เปิดวาระการประชุมเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และการตั้งอนุกรรมาธิการเพื่อติดตามปัญหานี้อย่างเร่งด่วน
  • ด้านโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว หลังได้รับจดหมายจากครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ได้ออกประกาศแสดงความเสียใจบนเพจเฟซบุ๊กของโรงพยาบาล และแก้ไขว่าแพทย์ผู้เสียชีวิตไม่เคยมีประวัติสุขภาพจิตใดมาก่อน รวมถึงจะวางแผนปรับระบบการศึกษาและการทำงานในสมดุลเพื่อลดความตึงเครียดจากการทำงานของแพทย์ต่อไป

 

ปัญหาของระบบแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (อินเทิร์น) 

  • “คนไข้ทั้งวอร์ดเป็นของผมคนเดียวหรอ” เป็นหนึ่งในคำพูดจากปากของแพทย์จบใหม่ที่เสียชีวิตระหว่างการอยู่เวรในคืนหนึ่ง ที่พยาบาลในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วจดจำเอาไว้ได้
  • เพื่อนของผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่า ผู้เสียชีวิตถูกตำหนิอย่างแรงจากแพทย์เฉพาะทางในขณะที่อยู่เวร เวลาประมาณ 02.00 น. เมื่อได้โทรไปสอบถามข้อมูลเนื่องจากมีคนไข้ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง และเป็นหน้าที่ของแพทย์เฉพาะทางที่จะให้คำปรึกษาแพทย์จบใหม่ เนื่องจากแพทย์จบใหม่ไม่มีความรู้ด้านนี้
  • ผู้เสียชีวิตเป็นแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ หรือที่เรียกกันว่าอินเทิร์น ซึ่งก็คือแพทย์จบใหม่ที่ต้องทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐเป็นเวลา 3 ปี โดยจะมีแพทย์พี่เลี้ยงคอยประกบดูแลจากระบบแพทย์ที่ปรึกษา ซึ่งมีข้อสงสัยจากญาติผู้เสียชีวิตว่า ระบบพี่เลี้ยงนี้มีความบกพร่องในการคัดเลือกบุคลากรที่จะรับหน้าที่แพทย์ที่ปรึกษา
  • เดือนพฤศจิกายน ปี 2563 เกิดเหตุการณ์ของกลุ่มแพทย์ใช้ทุน โรงพยาบาลตราด รวมตัวกันร้องเรียนไปยังกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากถูกแพทย์พี่เลี้ยงบังคับให้เข้าเวรจนแพทย์จบใหม่ทำงานไม่ไหวและไม่มีเวลาพักผ่อน แต่ถ้าหากปฏิเสธก็กังวลว่าจะส่งผลต่อการประเมินผล เนื่องจากแพทย์พี่เลี้ยงจะต้องทำหน้าที่ให้คะแนนแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการผ่านหรือไม่ผ่านการประเมิน
  • วันที่ 8 มิถุนายน เพจ ‘เลี้ยงลูกตามใจหมอ’ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีการฆ่าตัวตายของแพทย์จบใหม่ดังกล่าวว่า ภาระของแพทย์จบใหม่ใช้ทุนจะดีหรือไม่ดีนั้นมีความยึดโยงอยู่กับแพทย์ตามโรงพยาบาลที่ไปใช้ทุน หากเจอแพทย์ที่ไม่ดีก็อาจจะโดนบังคับขายเวร ผลักภาระการดูแลคนไข้ จนแทบจะไม่ได้เพิ่มพูนทักษะอะไรจริงๆ 
  • ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 ได้มีเพจบนเฟซบุ๊กชื่อ ‘วันนี้ฉันติ่งอะไร’ ออกมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบอาวุโสในวงการแพทย์ เป็นต้นเหตุของการลงโทษด้วยถ้อยคำรุนแรง หากแพทย์จบใหม่แพทย์ระดับต่ำกว่าทำผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการไล่ให้ไปกระโดดตึก ด่าทอว่าโง่ หนักแผ่นดิน ไร้ค่า ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่แพทย์มักจะเจอเรื่องของการเกิด เจ็บ แก่ ตาย จนรู้สึกเฉยชาและมุ่งแต่ผลของการรักษาที่เรียกว่า Dehumanization หรือ ‘การทำให้คนไม่เป็นคน’ ที่สืบทอดกันต่อมาในระบบการสอนบุคลากร 

 

ครบรอบ 1 เดือนของการสูญเสีย

  • วันนี้ (7 กรกฎาคม) เป็นวันครบรอบ 1 เดือนการเสียชีวิตของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจนี้จะไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีต้นเหตุมาจากสาเหตุใดกันแน่ แต่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเองก็หวังว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของระบบแพทย์เพิ่มพูนทักษะในทางที่ดีขึ้น จากการจากไปของสมาชิกอันเป็นที่รักในครั้งนี้

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising