×

อัยการสูงสุดเรียกตัวกลุ่มตำรวจคดีเสี่ยแป้งกลับมาฟ้องข้อหาหนัก ผิด ม.157-อุ้มกรรโชกทรัพย์ นัดส่งตัวต่อศาล 22 ธ.ค. นี้

โดย THE STANDARD TEAM
29.11.2023
  • LOADING...
เสี่ยแป้ง

วันนี้ (29 พฤศจิกายน) มีรายงานว่า ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 นัดส่งฟ้อง 

 

  1. พ.ต.ต. ฤทธิไกร เหมทานนท์ อดีตสารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ)
  2. ร.ต.อ. อภิชาติ สกุลกิจ 
  3. ร.ต.อ. วิทยา อำนวย
  4. ด.ต. ฐนนท์ธร กิจถาวร
  5. ด.ต. นิรัตน์ เพชรรัตน์
  6. ส.ต.ต. อาณัติ แดงหนำ
  7. ร.ต.อ. สุรินทร์ ไกรสิทธิ์
  8. อำพร นวลศรี (สายลับ)

 

ผู้ต้องหาที่ 1-8 ตามลำดับ

 

เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือโดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นตำรวจ หรือโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจได้รับอันตรายสาหัส และโดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย 

 

โดยสั่งฟ้อง ร.ต.อ. อภิชาติ สกุลกิจ ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

 

และสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ต. ฤทธิไกร เหมทานนท์, ร.ต.อ. วิทยา อำนวย, ด.ต. ฐนนท์ธร กิจถาวร, ด.ต. นิรัตน์ เพชรรัตน์, ส.ต.ต. อาณัติ แดงหนำ, ร.ต.อ. สุรินทร์ ไกรสิทธิ์ และ อำพร นวลศรี ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีและใช้อาวุธปืนและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

 

จากกรณีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับพวกซึ่งเป็นพลเรือน 1 คน รวมทั้งหมดจำนวน 8 คน ใช้รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถยนต์เก๋งอีก 1 คัน ขับมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งที่อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ก่อนที่จะไปจับตัว สิทธิเดช ทรงเดชะ หรือจรวด ลูกชายเจ้าของบ้าน ขึ้นรถยนต์พาตัวหายไป 

 

และหลังจากนั้นไม่นานสิทธิเดชก็ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กลับมาหาญาติที่บ้าน โดยบอกว่าให้นำเงินสดจำนวน 1.5 ล้านบาทไปให้แก่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาหาที่บ้านก่อนหน้านี้ ซึ่งได้อ้างตัวภายหลังว่าเป็นตำรวจสังกัดชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 โดยจำนวนเงินดังกล่าวต้องแลกกับความปลอดภัยและการปล่อยตัว 

 

ซึ่งต่อมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ และต่อมาอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 3 และที่ 4-8 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีและใช้อาวุธปืนและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตามความเห็นพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 

 

พร้อมสั่งยุติการดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 8 ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (พืชกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น ส่วนข้อหาอื่นชี้ขาดฟ้องตามความเห็นของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9

 

ความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 มาเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้

 

โดยมีรายงานว่า สำหรับสำนวนคดีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่ศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี 6 เดือน เชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษชายที่อยู่ระหว่างหลบหนีในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องเชาวลิตในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ, ข่มขืนใจผู้อื่นฯ, มีอาวุธฯ, พาอาวุธไปที่สาธารณะฯ ในคดีชิงตัวจรวด ซึ่งครั้งนั้นอัยการไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหารายอื่น และมีการสั่งฟ้องเพียงเชาวลิตและจรวดเท่านั้น

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ภายหลังการหลบหนี เชาวลิตเคยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นคดีดังกล่าวใหม่อีกครั้ง เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะถูกตัดสินให้รับโทษเพียงฝ่ายเดียว โดยเชาวลิตได้ถ่ายคลิปตัวเองระบายความในใจและเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และนำไปสู่การสอบสวนและรื้อฟื้นสำนวนคดีใหม่ในวันนี้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising