×

‘เงินบาท’ เปิดแข็งค่าแรงแตะระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

23.03.2023
  • LOADING...
เงินบาทวันนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (23 มีนาคม) ที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.44 บาทต่อดอลลาร์ หลังดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.2 จุด ส่งผลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ประกอบกับโฟลวธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ คาดวันนี้แกว่งตัว Sideway ในกรอบ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา (FOMC) จะมีมติขึ้นดอกเบี้ย +0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่มุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อจนแตะระดับ 5.25% และไม่ได้มองว่า Fed จะจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้า (Fed หยุดการขึ้นดอกเบี้ยที่ 5.00% ก่อนจะทยอยลดดอกเบี้ยลงแตะระดับ 4.25% ปลายปี) ได้กดดันบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) อีกครั้ง ประกอบกับผู้เล่นในตลาดยังคงสับสนต่อท่าทีของทางการสหรัฐฯ ในการคุ้มครองเงินฝาก 100% ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารกลับมาเผชิญแรงขายต่อ (BofA -3.3%, JPM -2.6%) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P 500 ดิ่งลงกว่า -1.65%


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวลงแรง แต่ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.15% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดคลายความวิตกกังวลต่อปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารยุโรป ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมพอสมควร (Hermes +1.1%, Kering +0.7%) ท่ามกลางความหวังแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

 

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ แม้ Fed จะส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลว่าปัญหาในระบบธนาคารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและแนวโน้มการคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงของ Fed อาจยิ่งกดดันภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมุมมองเดิมว่า Fed จะกลับมาลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องหลังจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าว รวมถึงภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.45% 

 

อย่างไรก็ดี ธนาคารกรุงไทยยังมองว่าตลาดอาจมีมุมมองเชิงลบที่มากเกินไป แต่แนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ซึ่งเสี่ยงต่อการปรับมุมมอง (Repricing) หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด ทำให้มองว่านักลงทุนควรใช้จังหวะที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวลดลงในการทยอยขายทำกำไรบ้าง และรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อสะสม (อาจไม่ต้องรอให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทะลุระดับ 4.00%)

 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.2 จุด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดก็ยังคงมองว่าสุดท้าย Fed จะต้องกลับมาทยอยลดดอกเบี้ยลง แม้ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยแตะระดับ 5.25% ตามที่ Fed เคยคาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือนธันวาคม ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเมษายน) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

สำหรับวันนี้ในฝั่งโซนเอเชียตลาดคาดว่าการชะลอตัวต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ และภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จะส่งผลให้ธนาคารกลางไต้หวัน (CBC) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ต่อ ขณะที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 6.25% หลังอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงถึง 8.6%

 

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนกุมภาพันธ์ของอังกฤษเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 10.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ล่าสุดผู้เล่นในตลาดคาดว่า BOE จะตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +0.25% สู่ระดับ 4.25% (จากระดับปัจจุบันที่ 4.00%) ท่ามกลางความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารฝั่งยุโรปและแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษที่ชะลอลง แต่ปัญหาเงินเฟ้อสูงก็ยังแก้ไขไม่สำเร็จ

 

และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งหากออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ได้บ้าง

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่เราคาด หากเกิดกรณีที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ดอกเบี้ย หรือ Dot Plot มากนัก ซึ่งมองว่าปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทมาจากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลวธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

 

ส่วนในวันนี้มองว่าค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรงจากวันก่อนหน้า แต่มองว่าเงินบาทมีโอกาสผันผวนพอสมควร เพราะบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่รีบกลับเข้าซื้อหุ้นไทย (แต่แรงขายเริ่มลดลงต่อเนื่องแล้ว) อย่างไรก็ดี แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าก็อาจถูกลดทอนด้วยโฟลวธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้

 

ส่วนในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOE หาก BOE ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องที่ชัดเจน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงได้บ้าง และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้บ้าง

 

ทว่าหาก BOE ขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ตามเดิม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง สวนทางกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็มีโอกาสที่จะเห็น GBP เดินหน้าแข็งค่าขึ้นต่อ กดดันให้เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว Sideway หรืออ่อนค่าลงได้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising