บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์หลายสำนักออกโรงเตือนเหล่านักลงทุนในตลาดขณะนี้ให้เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญหน้ากับภาวะ ‘ตลาดหมี’ โดยจะมีแรงเทขายครั้งใหญ่อีกระลอก ก่อนที่ตลาดจะซบยาวอีกหลายปี และหลังจากนั้นจึงจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ถามว่าตลาดในขณะนี้ลดลงต่ำสุดแล้วหรือยัง นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ยังมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก โดยปีนี้ถือเป็นปีที่หุ้นร่วงระนาวตั้งแต่ต้นปี โดยจนถึงขณะนี้ ดัชนี Nasdaq ลดลงเกือบ 25% แล้ว ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลงต่อเนื่องแล้ว 6 สัปดาห์ ทั้งยังต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดการประมาณที่ 16%
ขณะเดียวกัน บรรยากาศตลาดส่วนใหญ่ยังไม่สดใสเท่าไรนัก ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ โดยดัชนี CNN Business Fear & Greed Index ซึ่งพิจารณาจากความเชื่อมั่นในตลาด 7 อย่าง ได้แสดงสัญญาณของความกลัวขีดสุด หรือ Extreme Fear ของนักลงทุนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่า บรรดานักลงทุนทั้งหลายมีแนวโน้มที่จะชะลอการลงทุนออกไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจะมีแนวโน้มซบเซา แต่นักกลยุทธ์ส่วนหนึ่งแนะว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะมีโอกาสเข้าช้อนซื้อหุ้นน้ำดีในตลาดในราคาไม่แพง เก็บไว้ในพอร์ตสำหรับสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
สำหรับตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังคงอยู่ในภาวะอ่อนแรง โดยราคาบิทคอยน์อ่อนค่าลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่เจ็ดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางสภาวะตกต่ำของตลาดในวงกว้าง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ บวกกับระเบียบกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ดอกเบี้ยค้าปลีกที่ลดลง และความเสี่ยงอย่างเป็นระบบในภาคธุรกิจคริปโต ฉุดให้ราคาคริปโต เช่น บิทคอยน์ ยังคงปรับตัวลดลง
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาของบิทคอยน์ปรับตัวใกล้ระดับ 47,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์หลังจากร่วงลงแตะระดับ 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยขณะนี้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกสัปดาห์ และมีสิทธิ์ลดลงแตะระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และสภาวะในตลาดปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ ความผันผวนของตลาดยังเป็นแรงหนุนส่งให้ราคาทองคำในตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 พฤษภาคม) ปิดตลาดปรับตัวบวกขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงชดเชยแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,814.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนวโน้มระยะยาวของราคาทองคำมีสิทธิ์ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย เพราะนักลงทุนหันไปสนใจถือครองเงินดอลลาร์
ส่วนราคาแร่โลหะอื่นๆ มีการปรับตัวอยู่ในแดนบวกเช่นกัน โดยแร่เงินเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 21.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนแพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 940.28 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 3.9% เป็น 2,019.70 ดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง:
