×

สตีฟ บรูซ กับการคุมทีมนัดที่ 1,000 ที่อาจเป็นนัดสุดท้ายกับนิวคาสเซิล?

17.10.2021
  • LOADING...
สตีฟ บรูซ

สิ่งที่หลายคนคาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุดในสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด หลังมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของใหม่คือตำแหน่งผู้จัดการทีม

 

โดยหลังกลุ่มทุนใหม่เข้าเทกโอเวอร์สโมสรฟุตบอลดังทางแถบนอร์ทอีสต์ของประเทศอังกฤษ ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ Public Investment Fund (PIF) กองทุนเพื่อความมั่งคั่งของประเทศซาอุดีอาระเบีย ปรากฏชื่อของกุนซือที่น่าสนใจมากมาย

 

ตั้งแต่กุนซือการันตีแชมป์อย่าง อันโตนิโอ คอนเต และ ซีเนดีน ซีดาน ซึ่งว่างงานอยู่ ไปจนถึงกลุ่มสายเลือดใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด หรือ เอริก เทน-ฮาก ที่คุมทีมกลาสโกว์ เรนเจอร์ส และอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตามลำดับ และอีกหลายชื่อ ซึ่งล้วนแต่สร้างความกระชุ่มกระชวยให้แก่สาวกทูนอาร์มี ที่ไม่นิยมในตัว สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันเท่าไรนัก

 

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงคือเวลานี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของนิวคาสเซิล และทำให้บรูซเตรียมจะลงคุมทีมในเกมคืนนี้ที่จะพบกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งจะเป็นเกมนัดที่ 1,000 ในชีวิต

 

แต่มันจะเป็นเกมนัดสุดท้ายของเขากับนิวคาสเซิลหรือไม่?

 

  • ความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องตำแหน่งผู้จัดการทีมของนิวคาสเซิลนั้นเป็นอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนใดๆ ในเวลานี้ แม้จะมีรายงานข่าวว่าพวกเขาล้มเหลวในการดึง ราฟาเอล เบนิเตซ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง รวมถึง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ที่ถูกมองว่าเหมาะสมสำหรับการวางรากฐานทีมในระยะยาว
  • โดย อแมนดา สเตฟลีย์ และสามี เมอร์ดาด โกดุสซี ในนามของกลุ่ม PCP Partner ซึ่งถือหุ้นในสโมสร 10% และเป็นฝ่ายที่จะออกหน้าบริหารกิจการของสโมสรในระหว่างนี้ ได้พบกับบรูซที่สนามซ้อมของสโมสรแล้ว และมีการพูดคุยกันสั้นๆ ราว 10 นาที
  • ในการพูดคุยนั้นบรูซเปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวก่อนเกมว่า เป็นการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ และข้อความที่เขาได้รับคือ ‘ทำงานต่อไป’ ดังนั้นบรูซยืนยันว่าเขาจะพยายามต่อไป ‘จนกว่าจะได้รับการแจ้งอย่างอื่น’
  • สำหรับเกมนี้จะเป็นการคุมทีมนัดที่ 1,000 ของบรูซ ซึ่งจะเป็นผู้จัดการทีมในลีกอังกฤษคนที่ 34 เท่านั้นที่เคยคุมทีมได้มากจำนวนนัดขนาดนี้ โดยเริ่มต้นการคุมทีมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์, วีแกน แอธเลติก และคริสตัล พาเลซ แต่ช่วงที่ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดคือการพาเบอร์มิงแฮม​ ซิตี้ สโมสรในแถบมิดแลนด์เลื่อนชั้นกลับมาพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ก่อนจะคุมอีกหลายสโมสรอย่าง วีแกน (ครั้งที่ 2 ในปี 2007), ฮัลล์ ซิตี้ (พาทีมเข้าชิงเอฟเอคัพครั้งแรกแต่แพ้อาร์เซนอล), แอสตัน วิลลา, เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์
  • จากนั้นได้โอกาสในการกลับมาคุมทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรในดวงใจเพราะเชียร์มาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าโจทย์ในการทำงานจะยาก นอกจากจะเป็นผู้จัดการทีมที่รับค่าตอบแทนน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกแล้ว (แต่จะได้โบนัสเมื่อพาทีมหนีตกชั้นได้) ก็ยังต้องทำงานภายใต้งบประมาณจำกัดจำเขี่ย แทบไม่มีการสนับสนุนจากเจ้าของสโมสรอย่าง ไมค์ แอชลีย์เลย
  • กระนั้นบรูซก็ยังพานิวคาสเซิลอยู่รอดปลอดภัยมาได้ตลอด ซึ่งเป็นงานถนัดในการคุมทีมหนีการตกชั้นเป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นคนที่ทำงานตามโจทย์อย่างแท้จริง
  • สำหรับงานกับนิวคาสเซิลนั้น มีข่าวจากทางอังกฤษว่า บรูซมีข้อตกลงกับเจ้าของเดิม ไมค์ แอชลีย์ ว่าหากโดนปลดออกจากตำแหน่งจะได้เงินชดเชย 7 ล้านปอนด์ ซึ่งเรื่องนี้นักข่าวหยิบขึ้นมาถามในการแถลงข่าวว่า เป็นเหตุผลที่ทำให้ยังคงทนอยู่ในตำแหน่งใช่หรือไม่ ทางด้านอดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคก่อร่างสร้างตัวเมื่อ 30 ปีที่แล้วปฏิเสธ และยืนยันที่อยู่ก็เพราะต้องการเป็นผู้จัดการทีมนิวคาสเซิลแค่นั้น
  • อย่างไรก็ดี โอกาสสำหรับบรูซที่จะคุมทีมต่อไปมีไม่มากนัก เพียงแต่ระหว่างนี้เป็นงานของทางด้านฝ่ายบริหารชุดใหม่ที่จะต้องพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรในการเริ่มต้นก่อ ‘อิฐก้อนแรก’ สำหรับการสร้างอาณาจักรใหม่
  • กระบวนการนี้จะใช้เวลาบ้าง ซึ่งยังคาดเดาได้ยากว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร อาจจะเป็นวัน หรือเดือน หรือหลายเดือน และยังไม่แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้ว PIF จะเลือกใคร ซึ่งยังมีชื่อของ ลูเซียง ฟาฟร์ และแฟรงก์ แลมพาร์ด อยู่ในโผด้วย
  • แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่บรูซต้องกังวลใจแต่อย่างใด เพราะเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม สิ่งที่ควบคุมได้คือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จนกว่าฝ่ายบริหารจะเห็นว่าเขาไม่ควรอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป พร้อมรับค่าทำขวัญอีก 7 ล้านปอนด์เป็นการปลอบใจ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising