ในขณะที่โลกต้องต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนที่หลากหลายเนื่องจากสถานการณ์โลกที่คาดเดาไม่ได้ การขาดแคลนครั้งใหม่ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นั่นก็คือ ‘ซอสศรีราชา’ (ในที่นี้คือยี่ห้อ Huy Fong) อันเป็นที่รักของชาวอเมริกันหลายคน
Huy Fong Foods ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตได้ต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนพริกอันเป็นวัตถุดิบหลักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่รุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- โลกรวนทำซอสศรีราชาขาดตลาด หลังเม็กซิโกแล้งจัดจนปลูกพริกได้น้อยลง
- ลอดลายมังกรฉบับเวียดนาม ‘เดวิด ทราน’ สร้างตำนาน ‘ซอสพริกศรีราชา’ ที่อเมริกาจนกลายเป็นเจ้าสัวพันล้านได้อย่างไร?
- The Secret of Sauce ความลับของ ซอสพริกศรีราชา ยี่ห้อชื่อไทยแท้ๆ แต่ไปดังที่อเมริกาเพราะ ‘คนเวียดนาม’?
เมื่อผลิตได้น้อยลง แต่ความต้องการซื้อกลับพุ่งสูงขึ้น ผลลัพธ์คือการขาดแคลนซอสได้ผลักดันราคาในการขายต่อให้สูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ขวดขนาด 17 ออนซ์ถูกขายในราคา 70 ดอลลาร์ หรือราว 2,500 บาท บน eBay ทั้งที่ปกติมีราคาอยู่ที่ 5 ดอลลาร์ หรือราว 175 บาทเท่านั้น และราคาก็สูงขึ้นไปอีกใน Amazon โดยแพ็กคู่มีราคาสูงถึง 124 ดอลลาร์
ราคาที่พุ่งขึ้นเหมือนจรวดที่กำลังบินไปสู่ดวงจันทร์ทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่า หากกำเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น Coca-Cola, Bank of America หรือ Pfizer จะมีราคาถูกกว่าการซื้อซอสพริกศรีราชาเพียงขวดเดียว
ตัวอย่างเช่น ณ ตอนนี้ หุ้นของ Coca-Cola ซื้อขายกันที่ 60.58 ดอลลาร์, Pfizer อยู่ที่ 68.10 ดอลลาร์ และ Bank of America อยู่ที่ 29.2 ดอลลาร์เท่านั้น เหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในตลาดหุ้น
แม้นี่จะเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เป็นการขยายภาพประเด็นที่ว่าราคาของศรีราชาสูงเกินจริงในช่วงที่ขาดแคลนนี้
แถมยังสะท้อนหลักการทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่า ความขาดแคลนของส่วนผสมทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น จนถึงจุดที่ต้นทุนสูงเกินกว่าราคาหุ้นของบริษัทที่มั่นคงและทำกำไรได้ด้วยซ้ำ
ความผิดปกติของตลาดดังกล่าวเตือนให้เราต้องคำนึงถึงความผันผวนของราคา ทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และตัดสินใจอย่างแม่นยำเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว
ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images
อ้างอิง: