The Spirit of
the Colourful
Horse Festival
The Tibetan Khampas, Western Sichuan
เรื่องและภาพ วรวรรณ สิมะโรจน์
ในที่สุด ฉันก็พาตัวเองมาอยู่หน้ากลุ่มเต็นท์สีขาวที่เรียงรายเป็นแถวยาวกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่ความสูงประมาณ 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลตามเป้าหมายที่ได้ตั้งใจไว้ หลังจากค่อยๆ แวะเที่ยวตามเมืองต่างๆ ไต่ระดับความสูงเรื่อยมาจาก 1,000, 2,000, 3,000 จนถึง 4,000-5,000 เมตรตามเส้นทางฝั่งทิศตะวันตกของเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ไปจนถึงชายแดนเขตปกครองตนเองทิเบต เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองสำคัญในช่วงฤดูร้อนของชาวคัมปา (Khampa) ชาวพื้นเมืองเชื้อสายทิเบตที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เรียกขานกันว่าขาม (Kham) ก่อนที่จะถูกจีนยึดไปเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลเสฉวนทางด้านทิศตะวันตก บนระดับความสูงที่มีออกซิเจนเบาบางกว่าปกติ
จากความตั้งใจเดิมว่าจะมาดูงานเทศกาลแข่งม้าอันเลื่องชื่อของชาวทิเบตที่เมืองหลี่ถัง (Litang) ในเขตปกครองตัวเองของชาวทิเบตจังหวัดกานจือ (Ganzi) ซึ่งจัดงานเทศกาลใหญ่โตตามฤกษ์ของปฏิทินทิเบต (ปลายกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม) โดยรัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมใกล้ชิด แต่เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในช่วงที่คาดว่าจะมีงาน กลับได้ข้อมูลจากพนักงานว่าปีนี้ไม่มีการจัดงาน ซึ่งไม่สามารถหาคำตอบได้ เพราะว่าพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ฉันจึงต้องออกไปถามข่าวกับชาวคัมปาโดยตรงตามเต็นท์สีขาวที่เห็น แม้ว่าจะสื่อสารภาษาทิเบตและจีนได้อย่างจำกัดจำเขี่ย เข้าใจแต่ว่าไม่มีการแข่งม้าที่นี่ ฉันพยายามหาจุดที่มีงานเทศกาลแข่งม้าให้ได้ จนเหลือบไปเห็นชาวคัมปาคนหนึ่งกำลังจูงม้ามาผูกกับหลักที่สนามหญ้าหน้าเต็นท์หลังหนึ่ง จึงพุ่งเข้าไปคุยแบบงูๆ ปลาๆ ทันที (ฉันจำภาษาพื้นเมืองเอาไว้ถาม 2-3 คำ คือ การแข่งม้า เมื่อไร และที่ไหน) ได้ผล… ชายชาวคัมปาคนนั้นบอกว่า มีสิ การแข่งม้า แต่ไม่ใช่ที่นี่ เป็นอีกที่หนึ่งซึ่งห่างจากเมืองหลี่ถังไปประมาณหนึ่งชั่วโมง (เป็นชื่อที่รู้กันสำหรับชาวพื้นเมือง ไม่มีกำหนดไว้ในแผนที่) โดยจะเริ่มแข่งกันในวันพรุ่งนี้ และงานจะมีไปอีก 2-3 วัน โชคดีที่ทิศทางที่ชาวคัมปาบอกนั้นเป็นเส้นทางที่ฉันผ่านมาก่อน จึงพอจะคาดเดาออกว่าต้องเป็นกลุ่มเต็นท์กลางหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขาทุ่งหญ้าที่ผ่านมาเป็นแน่
ด้วยความกลัวจะพลาดเทศกาลที่อุตส่าห์ดั้นด้นตามหา เย็นวันเดียวกันนั้นฉันจึงบอกคนขับรถให้พาไปดูสถานที่ดังกล่าวก่อนเลย เมื่อไปถึงก็สังเกตได้จากริมถนนว่าบนทุ่งหญ้าที่ชาวคัมปากางเต็นท์รวมเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีม้าหลายตัวผูกอยู่หน้าเต็นท์ บางรายเพิ่งเอาม้าไปวิ่งออกกำลังมา พ่อหนุ่มผมยาวคาวบอยชาวคัมปาเข้ามาทักทายและชี้ชวนให้ไปดูม้าของตน ก่อนจะให้ฉันลองขึ้นไปขี่ด้วย เจ้าตัวยังโชว์ท่าเหมือนตกม้า ห้อยขาข้างเดียวไว้กับโกลน เก็งตัวอยู่เหนือพื้นให้ฉันได้ถ่ายรูป ก่อนดึงตัวกลับขึ้นไปอยู่บนม้าใหม่ หลังจากสนุกสนานกันสักพัก ก็ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปดื่มชา และกินซุปเนื้อจามรีหม้อใหญ่ แต่ฉันขอรับมาแต่น้ำชาเท่านั้น
งานเทศกาลขี่ม้าเป็นงานประจำปีของชาวทิเบตเผ่าเร่ร่อนดั้งเดิมที่ใช้ม้าเป็นพาหนะคอยไล่ต้อนฝูงจามรี ชาวพื้นเมืองทิเบตจะรวมตัวกัน ณ ลานหญ้าที่ใดที่หนึ่งซึ่งเป็นที่รู้กันในหมู่ชาวเผ่าของตัวเองและบริเวณใกล้เคียง โดยจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ปกติงานเทศกาลที่จัดอย่างใหญ่โตในเมือง มักมีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องและจัดที่สนามกีฬากลางเมืองที่มีอัฒจันทร์ให้ชาวพื้นเมืองแต่งตัวเต็มที่ มาร่ายรำกลางสนามกีฬาให้นักท่องเที่ยวได้ชม แต่งานเทศกาลขี่ม้าที่ฉันได้มีโอกาสไปเยือนจะจัดขึ้นเองโดยชาวคัมปาที่อยู่ในบริเวณนั้นโดยมักมีวัดทิเบตในท้องถิ่นนั้นเป็นผู้สนับสนุน จึงยากที่จะหารายละเอียดว่าจัดที่ไหน อย่างไร และเมื่อไรแน่ ต้องไปให้ถึงถิ่นและสอบถามกันเอาเอง งานที่จัดในลักษณะนี้จะมีในหลายๆ ที่แตกต่างกันไปในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน และบางครั้งหากมีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือมีความไม่สงบทางการเมืองเกิดขึ้นในพื้นที่ งานก็อาจถูกยกเลิกไปดื้อๆ ก่อนถึงวันงาน ชาวคัมปาจะมาตั้งเต็นท์รอในบริเวณที่กำหนดให้เป็นที่จัดงาน เพื่อรอเข้าร่วมงานและแข่งม้า กล่าวกันว่าจะมีการนำม้าที่แต่ละครอบครัวเลี้ยงไว้ (หรืออาจเป็นม้าในสังกัดของวัดในท้องถิ่น) มาแข่งและแต่งตัวโชว์เพื่อดูว่าใครเป็นผู้ครอบครองม้าที่ดีที่สุด พร้อมๆ กับที่ผู้ขี่ซึ่งต้องโชว์ทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้าด้วยความเร็ว การก้มตัวลงเก็บของ และยิงธนูหรือยิงปืนไปที่เป้า ในขณะที่ตัวเองอยู่บนหลังม้าที่ห้อออกไปเต็มเหยียด ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับชื่อเสียงและเกียรติยศหากม้าที่นำเข้าแข่งขันแสดงผลงานได้อย่างเป็นที่ประจักษ์ นอกจากนี้นี่คือโอกาสของชาวคัมปาที่ย้ายมาอาศัยชั่วคราวในเต็นท์ขนาดใหญ่ที่มากางกันในบริเวณจัดงาน ทั้งชายหญิงจะแต่งตัวโดยการสวมเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองและเครื่องประดับของเผ่าที่ดีที่สุดที่ตัวเองมี สร้างสีสันให้กับงานไม่แพ้เหล่าอาชาทั้งหลาย
เรามาถึงงานแต่เช้าตรู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ชาวคัมปายังง่วนอยู่กับการทำกิจวัตรประจำวัน แต่ละเต็นท์มีควันไฟจากการหุงหาอาหารลอยเอื่อยออกมา บ้างก็เริ่มแต่งตัวให้กับม้าด้วยการผูกและมัดแผงขนและหางด้วยโบว์หลากสีสัน บางคนจุดเครื่องหอมแล้วเดินรมควันรอบตัวม้าเหมือนทำพิธีกรรม พ่อหนุ่มคนเดิมที่เจอเมื่อวานเข้ามาทักทายและเดินนำไปทางเต็นท์ที่ครอบครัวของตนพักและตกแต่งม้าให้ดู เราต่างตื่นตาตื่นใจ ถ่ายรูปกันไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
ก่อนเริ่มงาน เหล่าคาวบอยทยอยกลับเข้าที่พักไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเต็มยศ สีสันสดใส ในขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นสาวๆ ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองกันเสร็จแล้วเริ่มทยอยกันออกมาเดินด้านนอก ทุกคนต่างดูงดงามด้วยสีสันและลวดลายของเสื้อผ้า รวมถึงเครื่องประดับสีเงินใหญ่โตสำหรับผมและคอ ดูหนักอึ้งและแปลกตา สายคาดเอวสวยๆ มีให้เห็นทั่วไป ผู้เข้าชมต่างพากันเดินไปที่แถวจุดตั้งต้นแข่งม้า โดยแบ่งด้านหนึ่งเป็นที่นั่งของเหล่าพระลามะและเณรน้อยชาวทิเบตสวมชุดทั้งสีเหลืองแดงฉูดฉาดบาดตา ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นที่นั่งชมของเหล่าบุคคลทั่วไป ผู้คนทยอยกันมานั่งต่อแถวยาวเป็นแนว ตรงกลางเหลือที่ไว้สำหรับการแข่ง โดยเหล่า
นักแข่งม้าที่พร้อมก็ทยอยกันมารวมตัวกันที่ลานเพื่อเริ่มพิธีเปิด โดยมีพระลามะชั้นผู้ใหญ่กล่าวนำและให้พร แจกผ้าคล้องคอสีส้มนำโชคให้กับนักขี่ม้าทุกคน สักพักมหกรรมอันแสนสนุกสนานก็เริ่มต้นขึ้น ในตอนแรกฉันคิดว่าจะเป็นการขี่ม้าแข่งวิ่งด้วยความเร็วไปพร้อมๆ กันว่าใครจะวิ่งเร็วที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่าใครพร้อมก็นำม้าออกวิ่ง แล้วโชว์ทักษะต่างๆ บนหลังม้า ค่อยๆ ทยอยโชว์ไปทีละตัวสองตัวบ้าง สี่ห้าตัวบ้าง วิ่งไปจนสุดแถวคนดูก็อ้อมกลับมารอใหม่ มีเสียงคนเชียร์กันอย่างสนุกสนาน สักพักก็เป็นการโชว์การก้มตัวลงเก็บผ้าที่พื้น โดยมีกรรมการคอยวางผ้ายาวๆ ไปบนพื้น พ่อหนุ่มคาวบอยทั้งหลายก็ควบม้ามาแล้วทิ้งตัวลงเก็บผ้า ก่อนกลับขึ้นไปบนหลังม้าใหม่ เป็นที่สนุกสนานสำหรับคนดู บางคนไม่สามารถกลับขึ้นไปได้ ทำท่าจะถูกม้าลากไปตามพื้น ก็มีเสียงฮือฮาจากคนดูเป็นพักๆ ก่อนจะมีชายชาวคัมปาคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่บนหลังม้าวิ่งกรูกันเข้าไปช่วย นอกจากเก็บผ้าแล้ว ก็ยังมีขี่ม้ายิงธนูไปที่เป้าซึ่งตั้งอยู่กลางลานแข่ง บ้างก็ยิงปืนแทนแล้วแต่อาวุธที่แต่ละคนมีอยู่ในมือ แต่ละคนก็ขี่วนกันไปหลายรอบ แล้วแต่ความพอใจ พอถึงช่วงท้ายการแข่งขัน เห็นคาวบอยหลายคนกลับมาเป็นผู้ชมส่งเสียงหวีดปากเชียร์ดังลั่นอย่างเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะหมดรอบการแสดงในช่วงเช้า
ในช่วงที่มีการแข่งม้า ฉันสังเกตว่ามีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนทยอยกันเข้าชมมากขึ้น แต่ชาวต่างชาติอื่นๆ นั้นน้อยมาก แทบจะมีแต่พวกเราด้วยซ้ำเนื่องจากบริเวณที่ราบสูงทิเบตในชนบทแบบนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป เมื่อเริ่มว่างจากชมการแสดงแข่งม้า ฉันได้มีโอกาสสำรวจรอบๆ บริเวณอีกครั้ง บางคนก็เอาของพื้นเมือง เช่น เครื่องประดับเครื่องใช้ไม้สอย ผ้ารองอานม้า และพรมรองพื้นวางขาย บางเต็นท์ก็นำอาหารต่างๆ จากในเมืองมาขายเหมือนร้านขายของชำ ฉันเริ่มทำความสนิทสนมกับชาวบ้านอีกครั้งด้วยการยิ้มนำก่อน เพื่อขอถ่ายรูปเด็กๆ กับสตรี
ชาวพื้นเมืองในชุดสีสันอันงดงาม สาวๆ หลายคนมักจะปฏิเสธจะให้ถ่ายรูปในตอนต้น (ต่างจากหนุ่มๆ ที่ปล่อย
ให้ถ่ายรูปกันได้อย่างสบายๆ) แต่หากเห็นหน้าค่าตากันอยู่หลายๆ หน พวกเธอมักจะไม่ปฏิเสธ แม้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้ากล้องทีไร รอยยิ้มอันสดใสจะหายไปจากหน้าแทบทุกคน จนต้องหากลวิธีต่างๆ มาหลอกล่อให้พวกเธอโชว์ยิ้มสวยอย่างเป็นธรรมชาติออกมาให้ได้เห็น อย่างไรก็ดี ความเป็นกันเองและความใจดีของชาวคัมปาเป็นที่ประทับใจฉันเอามากๆ ไม่มีใครมีท่าทีไม่พอใจหรือแสดงความรำคาญอะไรเลย แม้จะเขินอายไม่กล้าให้ถ่ายรูป แต่ก็ยิ้ม และชวนให้ไปจิบชากันแทบทุกเต็นท์ ยิ่งในวันที่สองที่พวกฉันกลับเข้าไปร่วมงานใหม่อีกนั้นความเป็นกันเองก็ดูจะเพิ่มมากขึ้น
น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เข้าร่วมงานในวันสุดท้ายของงานเทศกาลในทุ่งหญ้าแห่งนี้ ซึ่งเป็นวันที่จะมีการเต้นรำของชาวคัมปา เนื่องจากฉันได้ข่าวงานแข่งม้าที่จะเริ่มขึ้นในอีกสถานที่หนึ่งที่ไกลออกไปหลายชั่วโมง เป็นงานของชาวคัมปาอีกเผ่าหนึ่งที่มีรูปแบบการแข่งขันขี่ม้าและเครื่องแต่งกายที่แตกต่างออกไป รวมถึงสถานที่จัดงานก็มีบรรยากาศที่ไม่เหมือนกัน
ได้เวลาเดินสายใช้ภาษางูๆ ปลาๆ ตามหาที่จัดงาน Horse Festival อีกครั้ง…