×

เมื่อความเด้อมาถึงทองหล่อ ส้มตำเด้อ กับบ้านหลังใหม่ของร้านอาหารอีสานที่ดังไปไกลถึงโตเกียวและนิวยอร์ก

05.04.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins read
  • จากศาลาแดงสู่นิวยอร์ก โฮจิมินห์ จนถึงโตเกียว ส้มตำเด้อกลับมาเปิดสาขาที่ 2 อีกครั้งในกรุงเทพฯ บนถนนทองหล่อ โดยยังคงความเป็นร้านอาหารอีสานที่ต้องการถ่ายทอดรสชาติคุ้นเคยในแบบขอนแก่นและสกลนครให้คนกรุงได้ชิม
  • หมูปิ้งกะทิสด แม้ดูเหมือนเป็นของกินเล่นธรรมดา แต่เมื่อถูกนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ กลิ่นหอมกะทิลอยเตะจมูกเข้าอย่างจัง ถ้าสั่งหมูปิ้งที่นี่จะไม่ได้มาพร้อมข้าวเหนียว แต่มาพร้อมเส้นหมี่ แนะนำให้รับประทานคู่กับหมูปิ้งแล้วราดแจ่วนิดหน่อย อร่อยอย่าบอกใคร

จริงอยู่ที่คนไทยจำนวนมากติดใจรสชาติอาหารต่างแดน แต่เมื่อผ่านไปสักพัก หรือเมื่อห่างเหินจากบ้านเกิดเมืองนอน ท้ายที่สุดแล้วก็มักตายรังที่อาหารไทย โดยเฉพาะเมนูแซ่บๆ อย่างส้มตำหรืออาหารอีสาน ครั้งนี้ THE STANDARD พาทุกคนแวะมาแถวทองหล่อ หนึ่งในย่านที่มีความหนาแน่นของร้านอาหารและบาร์เป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ครั้นจะมากินข้าวในทองหล่อ ถ้าไม่ใช่ร้านอาหารญี่ปุ่นหรือยุโรปก็มีตัวเลือกน้อย อย่างไรก็ตาม เราเพิ่งจะได้ข่าวว่า ส้มตำเด้อ (Somtum Der) ร้านส้มตำและอาหารอีสานในซอยศาลาแดงเพิ่งจะเปิดสาขาใหม่ที่ปากซอยทองหล่อ 17

 

สีสันจัดจ้านและพนักงานใส่หมวก ซิกเนเจอร์แบบส้มตำเด้อ

 

คุณเอ้-ธนฤกษ์ เหล่าเราวิโรจน์ เจ้าของร้านและผู้ก่อตั้งสุพรรณิการ์กรุ๊ป (กลุ่มร้านอาหารไทยที่ประกอบด้วย ส้มตำเด้อ ร้านอาหารไทยอีสาน, สุพรรณิการ์ ร้านอาหารไทยตะวันออก และ EAT ร้านอาหารแนวโฮมคุกกิ้ง) ได้เล่าถึงที่มาของส้มตำเด้อ โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2555 โดยได้ร่วมกับ เชฟกรณ์-กรณ์ฐนัธ ทองนํา เชฟใหญ่ของส้มตำเด้อ ในการนำเสนอคอนเซปต์อาหารที่คุ้นเคยในวัยเด็กเมื่อครั้งอยู่ขอนแก่นกับสกลนครให้คนกรุงเทพฯ ได้รับรู้และลิ้มรส โดยเริ่มต้นด้วยการทดลองเปิดขายในตลาดย่านอโศก และหลังจากได้กระแสตอบรับที่ดีก็ตัดสินใจเปิดร้านอาหารในซอยศาลาแดง ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมากจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หลังจากนั้นก็ขยับขยายส่งออกส้มตำเด้อไปยังนิวยอร์ก และคว้าดาวมิชลินมาได้ในปี 2558 และยังมีสาขาในโฮจิมินห์ โตเกียว และสาขาล่าสุดที่นี่

 

สีสันจัดจ้านกับสุ่มครอบโคมไฟ อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของส้มตำเด้อ

 

The Vibe

ส้มตำเด้อ สาขาทองหล่อ ยังคงแนวคิดการออกแบบที่เชื่อมโยงระหว่างความเป็นท้องถิ่นอีสานกับความเป็นเมืองเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโทนสีแดง ส้ม แสดงให้เห็นถึงความจัดจ้านของรสอาหาร โคมไฟที่ครอบด้วยสุ่มสั่งทำพิเศษจากขอนแก่น เป็นเอกลักษณ์ประจำส้มตำเด้อทุกสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ ลายสานงานผ้าบนผนังร้าน ผ้าขาวม้า หรือแม้กระทั่งเพลย์ลิสต์ที่มีทั้งเพลงต่างชาติ ไทย หมอลำ ผสมผสานเข้ากันกลายเป็นร้านอาหารไทยอีสานที่มีความเป็นเออร์เบิน (urban) และยังเข้าถึงกลุ่มคนหลากหลายด้วยราคาอาหารเริ่มต้นเพียง 70 บาท

 

สะโพกไก่ทอดกรอบนอกนุ่มในแบบส้มตำเด้อ

 

The Dishes

ระหว่างรอส้มตำ เราไม่รอช้าลองสั่ง สะโพกไก่ทอดเด้อ (110 บาท) เมนูขึ้นชื่อของร้าน ไก่หมักพริกแกง ตะไคร้ และเครื่องเทศสูตรลับของเชฟกรณ์ นำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับแจ่วอีสานที่ใช้เพียงน้ำปลากับพริกป่นผสมกัน ไก่ทอดร้อนๆ เรียกน้ำย่อยอย่างแรงจนต้องขอข้าวเหนียวมาอีกกระติ๊บ

 

หมูปิ้งกะทิสด เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่แล้วราดแจ่ว

 

หมูปิ้งกะทิสด (110 บาท) ก็อร่อยไม่แพ้กัน แม้ดูเหมือนเป็นของกินเล่นธรรมดา แต่เมื่อถูกนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ กลิ่นหอมกะทิลอยเตะจมูกเข้าอย่างจัง ถ้าสั่งหมูปิ้งที่นี่จะไม่ได้มาพร้อมข้าวเหนียว แต่มาพร้อมเส้นหมี่ แนะนำให้รับประทานคู่กับหมูปิ้งแล้วราดแจ่วนิดหน่อย อร่อยอย่าบอกใคร

 

ตำซั่วสกลนครต้องใส่เม็ดกระถินให้กินกรุบๆ กันด้วย

 

มาถึงร้านอาหารอีสาน จัดตำแซ่บๆ ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ตำซั่วสกลนคร (80 บาท) จานนี้เป็นส้มตำปูปลาร้า ท่ีเพิ่มมาคือขนมจีนและเม็ดกระถิน (อย่าเข้าใจผิดว่าคือเมล็ดทานตะวันล่ะ) ที่ส้มตำเด้อไม่มีกฎตายตัวว่าทุกเมนูส้มตำจะมาแบบแซ่บๆ พริกสิบเม็ด ดังนั้นสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตามใจชอบ แต่ถ้าไม่บอกอะไรเพิ่ม ทางร้านก็จะใส่พริกประมาณ 3-4 เม็ดเป็นปกติ

 

เส้นขนมจีนคลุกกับน้ำปลาร้า เนื้อปลาทู และพริกสด

 

ตำปลาดุกฟูใส่หอมแดง

 

อีกหนึ่งเมนูตำซั่วแบบพิเศษที่มีเฉพาะช่วงนี้คือ ตำซั่วขนมจีนปลาทู (165 บาท) หนักท้องขึ้นมาอีกนิดเพราะใช้เส้นขนมจีนล้วน คลุกเคล้ากับน้ำปลาร้าและเนื้อปลาทูเลาะก้างอย่างดีพร้อมพริกสด แต่ถ้าตำซั่วไม่ไหว ตำไทยก็กินบ่อยแล้ว ตำปลาดุกฟู (90 บาท) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าลอง ตำไทยทวิสต์เพิ่มปลาดุกฟูกับหอมแดง ก่อนกินคลุกเคล้าให้เข้ากัน สัมผัสกรุบกรอบของปลาดุกฟูเข้ากับเส้นมะละกอ และเพิ่มรสชาติให้ส้มตำจานนี้เป็นอย่างดี

 

ลาบปลาดุกย่าง เน้นเนื้อของปลาดุกที่ย่างจนหอม

 

อ่อมไก่แบบบ้านๆ หอมปลาร้ามัดใจคนรักความแซ่บแบบนัวๆ

 

นอกจากอาหารจานตำ เพิ่มลาบกับแกงอีกสัก 2 อย่างน่าจะดี ลาบปลาดุกย่าง (95 บาท) ปลาดุกย่างเนื้อเน้นๆ ใส่พริกแห้งและข้าวทอดผสมให้เกิดสัมผัสที่เต็มปากเต็มคำยิ่งขึ้น กินลาบปลาดุกเพื่อตัดรสชาติอาหารช่วยแก้เผ็ดได้เยอะทีเดียว แกงอ่อมไก่ (110 บาท) ซุปอีสานรสกลมกล่อมแบบบ้านๆ ใส่ไก่สับติดกระดูก ข้าวคั่ว และน้ำปลาร้ารสนัว พร้อมความเผ็ดร้อนของสมุนไพรและหอมกลิ่นผักชีลาว

 

 

The Drinks

กินอาหารอีสานเผ็ดๆ แล้วอย่าลืมดับร้อนด้วย แม่โขงไทยสบาย (180 บาท) ไทยสไตล์ค็อกเทล หรือโมฮิโต้ทวิสต์ที่มีกลิ่นอายไทยๆ ใช้เหล้าแม่โขงเป็นส่วนผสมหลัก ตามด้วยน้ำมะนาวสด น้ำเชื่อม และโซดาออนท็อป ตกแต่งด้วยใบโหระพาแทนใบมินต์

 

What You Should Know

  • ปัจจุบันส้มตำเด้อมี 5 สาขาทั่วโลก ได้แก่ กรุงเทพฯ (ศาลาแดง, ทองหล่อ), นิวยอร์ก, โฮจิมินห์ และโตเกียว
  • ส้มตำเด้อ สาขานิวยอร์ก เคยได้มิชลิน 1 ดาว เมื่อปี 2558
  • ความเผ็ดทั่วไปของส้มตำที่ร้านจะเท่ากับพริก 3-4 เม็ด
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาด เพราะส้มตำเด้อใช้ปลาร้าต้มสุก

 

ส้มตำเด้อ

Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.30 น. และ 16.30-22.30 น.

Address: ปากซอยทองหล่อ 17 กรุงเทพฯ

Budget: เริ่มต้นที่ 70 บาท

Contact: 0 2046 4904

Page: www.facebook.com/somtumderthonglor

Map:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising