×

มองเกมเลือกตั้ง ที่ทางของ คสช. และโรดแมปชีวิตของสมชัย อดีต กกต. ม.44

31.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

9 Mins. Read
  • ผ่านไปกว่า 4 เดือน หลังถูกสั่งให้พ้นตำแหน่ง โดย ม.44 อดีต กกต. สมชัย ก็ยังคงโพสต์เฟซบุ๊ก เขียนคอลัมน์ แสดงความเห็นเรื่องการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
  • โรดแมปชีวิตของ สมชัย ศรีสุทธิยากร วันนี้ ชัดเจนแล้วว่า วันที่ 1 สิงหาคมจะไปนั่งรักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
  • บทบาทที่ดีที่สุดของ คสช. ในความเห็นของอดีต กกต. คือวางตัวเป็นกลาง ทำหน้าที่สนับสนุน กกต. ในการจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อได้มาซึ่งฝ่ายการเมืองที่มาจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

“หมากนี้ลึกซึ้งนัก ขึ้นอยู่กับใครจะเป็นจำเลยให้สังคม ระหว่าง 25 สนช. หรือนายกรัฐมนตรี ถ้าโรดแมปต้องเลื่อนไปอีก 2-6 เดือน ส่วน อ.มีชัย รอดครับ #อ่านขาดหมากการเมือง”

 

นี่คือข้อความย่อหน้าท้ายสุดของสเตตัสเฟซบุ๊กอดีต กกต. โซเชียล เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 ก่อนที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะได้ลงนามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2561 เรื่องให้กรรมการการเลือกตั้งยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่

 

ผ่านไปกว่า 4 เดือน การเลือกตั้งเลื่อนไปตามนั้นจริง อดีต กกต. สมชัย ก็ยังโพสต์เฟซบุ๊ก เขียนคอลัมน์ แสดงความเห็นตรงไปตรงมา ว่าด้วยการเลือกตั้งพรรคการเมือง และยังคอยเตือนเมื่อมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมทางการเมืองอยู่เนืองๆ อย่างกรณีการดูด ส.ส. หรือการจะถอยไพรมารีโหวต

 

ซึ่งในวันนี้โรดแมปประเทศ ก็ยังไม่ชัดว่าจะเลือกตั้งวันไหน จะปลดล็อกวันใด และ คสช. จะวางบทบาทตัวเองอย่างไร

จริงๆ วันที่มีการรัฐประหาร ผมเสนอทางออกฝ่ายการเมืองก็เห็นด้วย แต่มันไม่ถูกเดินหน้าต่อ เพราะอย่างนั้นพอเกิดการเอาผมออกอย่างนี้ผมก็สบายใจ

 

แต่ทว่าโรดแมปชีวิตของ สมชัย ศรีสุทธิยากร วันนี้ ชัดเจนแล้วว่า วันที่ 1 สิงหาคมจะไปนั่งรักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยยืนยันว่าจะยังคงแสดงความเห็นต่อไปตามปกติ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร

 

แต่อีกโรดแมปที่ยังไม่คลอด คือหนังสือ ‘กกต. ม.44’ ที่เขียนถึงการเข้ารับตำแหน่ง กกต. จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งนาทีสำคัญ เช่น เหตุการณ์การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แม้ต้นฉบับจะเสร็จแล้ว แต่อาจารย์สมชัยบอกกับเราว่า “อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะจัดพิมพ์อย่างไร เพราะคิดว่าการพิมพ์บางจังหวะเวลาอาจไม่เหมาะสม”

 

 

หลังจากโดนคำสั่ง ม. 44 ตอนนี้ทำอะไรอยู่

วันที่ 20 มีนาคม โดนคำสั่งหัวหน้า คสช. ให้พ้นจาก กกต. แต่ในเดือนแรกยังมีภาระต้องจัดการเอกสารเพื่อรายงานบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. โดยขณะนั้นก็ใช้เวลาไปกับการเขียนหนังสือ 1 เล่ม คือ ‘กกต. ม.44’ นี่คือช่วงเดือนแรก

 

พอเดือนที่สองก็คิดเรื่องหางาน การประสานติดต่อกับแหล่งต่างๆ ที่จะรับเราเข้าหน่วยงาน หลายหน่วยงานก็จะหวั่นๆ ด้วยการที่เราเป็นที่ไม่พึงปรารถนาของผู้ปกครองบ้านเมือง หรือเป็นคนที่ถูกผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเอาออกจากหน้าที่การงาน หน่วยงานต่างๆ ที่เขาจะตัดสินใจรับเรา ก็ต้องเรียนว่าเห็นใจเขา เพราะก็อาจเกรงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ก็เป็นช่วงของการรอคอย

 

พอเข้าเดือนที่สามต้องไปสหรัฐอเมริกาเนื่องจากลูกสาวมีพิธีรับปริญญา ก็ใช้เวลาไปท่องเที่ยว ศึกษาบ้านเมืองเขา ช่วงนั้นก็ไม่ได้คิดเรื่องงาน พอเดือนที่สี่ ก็ได้รับการติดต่อจากอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เป็นอธิการบดี ทาบทามเป็นรักษาการคณบดีตั้งแต่ 1 สิงหาคม ดังนั้นก็จะเป็นบทบาทใหม่ ก็คิดแค่ว่าเราจะทำประโยชน์ได้เต็มที่ได้แค่ไหนเพียงใด

 

ความตั้งใจคือว่าคงไปทำงานเต็มที่และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น และยังคิดว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองยังเป็นได้โดยปกติไม่ติดขัดอะไร เพราะว่าโดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ยังใช้สื่อต่างๆ พูดคุยกันได้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าจังหวะเวลาโอกาสแสดงความคิดเห็นจะเป็นอย่างไร ว่ากันอีกทีหนึ่ง

 

จากการเสนอตัวไปทำงาน แล้วเจออุปสรรค อยากถามว่าคุณกลัวการถูกเอาคืนบ้างไหม

ก็เข้าใจสถานการณ์ เข้าใจเพื่อนที่ลำบากใจในการจะช่วยเหลือเรา ก็ไม่ได้กังวลใจ ถึงเวลาเราคงหางานได้ ก็เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ก่อให้เกิดความกังวลกับตนเอง ยังมีความสุข ยังพูดคุย หรือให้กำลังใจผู้อื่นด้วยซ้ำ แต่ถ้ามองมุมคนอื่น ก็อาจตื่นตระหนก แต่ผมเข้าใจธรรมชาติของการเมือง เห็นใจทุกฝ่ายก็ไม่ได้ตำหนิใครด้วย เพราะว่าเป็นเรื่องของภาวะบ้านเมือง คนคงจะต้องระมัดระวังตนเองไว้ก่อน

คุณยิ่งลักษณ์ผมก็ไม่ได้รู้จักเขานะ เขาเป็นคนที่มีบุคลิกดีด้วยซ้ำ วางตัวดีเพียงแต่ว่าความเป็นตัวของตัวเองที่จะพูดที่จะตัดสินใจอะไร มันเหมือนกับว่ามีทีมที่จะคอยบอกผลต่างๆ

 

ตอนที่ไปเก็บของ คุณบอกว่าต้องอภัยทาน ปล่อยวางได้ ถ้าพูดตรงๆ ม.44 มันไม่ได้ให้เวลาอะไรเลย แต่ก็ยังปล่อยวางได้จริงหรือ

ผมเข้าใจทุกฝ่าย ไม่ว่าจะถูกจะผิด ไม่ว่าเหตุผลดูเข้าท่าหรือไม่เข้าท่า แต่เมื่อมีการตัดสินใจออกมา ผมก็ไม่ได้คิดว่าจำเป็นต้องไปยื้อกับคำสั่งดังกล่าว หลายคนเสนอตัว จะช่วยฟ้องร้องดำเนินคดี หลายคนอยากให้ผมตอบโต้พูดอะไรออกไปให้ฝ่ายที่ออกคำสั่งเสียหาย แต่ผมคิดว่าเป็นสิทธิของเขาที่จะออกคำสั่ง และก็ไม่ได้คิดที่จะไปต่อสู้หรือจะทำให้เกิดการกระทำที่เป็นเรื่องความวุ่นวายความรุนแรงที่มากขึ้น

 

แต่ฝ่ายที่ตัดสินใจก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น ภาพที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล กับฝ่ายทหาร ที่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมมาแทรกแซงองค์กรอิสระ ต่อจากนี้องค์กรอิสระจะทำงานได้อย่างเที่ยงธรรมหรือไม่ ในเมื่อมี ม.44 ที่จะปลดได้ตลอดเวลาถ้าพูดไม่ถูกหู ไม่ถูกใจ ตรงนี้มันก็เป็นการตัดสินใจ การก้าวอย่างหนึ่งของ คสช. ถ้าจะเกิดผลดี ผลเสียเขาก็ต้องรับผิดชอบ

 

 

อยากให้ย้อนกลับไปวันที่ทำหน้าที่ที่ กกต. การให้ความคิดความเห็นที่เคยให้ หากย้อนไป วันนั้นจะทำอย่างนั้นอยู่หรือไม่

ผมทำตลอดนะครับ ทำทุกสมัยไม่ว่าเป็นรัฐบาลไหน ถ้ามีอะไรขัดกฎหมาย ขัดกับหลักการที่ถูกต้อง ผมก็พร้อมวิจารณ์

 

ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลายคนเห็นผมเป็นฝ่ายตรงข้าม ผมใช้ประโยคว่า “ถ้าไม่ทำผิดผมก็ไม่ตรงข้าม” ถ้าทำผิดผมก็ต้องชี้ว่าเป็นปัญหาที่ไม่ถูกต้อง อย่างเลือกตั้ง (2 กุมภาพันธ์ 2557) ผมก็บอกว่าเลือกตั้งไปไม่ไหวนะ มันจะเกิดความรุนแรงนะ แล้วก็รับสมัครได้ไม่ครบ ยังขาด 28 เขตมันจะไม่ทำให้เป็นการเลือกตั้งที่เป็นไปในวันเดียวกันถ้ามีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ท้ายสุดจะเป็นโมฆะ แต่รัฐบาลไปตีความว่าเราพยายามจะไม่จัด เราไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง

 

รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ ผมก็เตือนท่านหลายเรื่อง อย่างที่ไปให้ข่าวว่า คสช. สนับสนุนพรรคการเมืองได้ ซึ่งนักกฎหมายทั่วไทยกลับนิ่งเงียบ คนร่างรัฐธรรมนูญกลับให้ท้ายด้วยซ้ำว่า คสช. เป็นตัวบุคคล สนับสนุนนักการเมืองได้ ผมเองก็ต้องออกมาชี้ให้สังคมเห็นว่า คสช. มี 2 สถานะ หนึ่ง เป็นตัวบุคคล แน่นอนว่าจะสนับสนุนใครพรรคไหน เป็นสิทธิ แต่ถ้า คสช. เป็นองค์กรมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายในบ้านเมืองได้ อยู่เหนือรัฐบาล หน่วยราชการต่างๆ การที่ไปเข้าข้างพรรคใดพรรคหนึ่งย่อมไม่ถูกต้อง

 

ผมก็พูดไปตรงๆ อันนี้ก็อาจทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ผู้มีอำนาจ หรือผมพูดเกี่ยวกับการที่รัฐบาลไปประชุม ครม.สัญจรในจังหวัดต่างๆ ผมก็พูดว่าพึงระวังการใช้ทรัพยากรของรัฐว่าจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับการเมืองว่าจะไปหาผู้สนับสนุนทางการเมืองต่างๆ ผมก็พูดเตือนทั่วๆ ไป ซึ่งก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่ารัฐบาลไม่สามารถใช้ความได้เปรียบทางทรัพยากรของรัฐในการทำให้ได้เปรียบทางการเมือง

 

ภาพของคุณคือเป็นคนพูดตรงๆ แต่เคยถูกขอร้อง ถูกสั่ง ว่าอย่าวิจารณ์ อย่าพูด เงียบๆ หน่อยบ้างไหม

ก็มีทั้งโดยตรง แล้วก็ผ่านคนรู้จัก ผ่านคนใน กกต. ด้วยกันเอง อย่างมีเพื่อนฝูงที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจก็มี ทั้งในเชิงของการขอร้อง ปราม หรือกระทั่งการเสนอประโยชน์ก็มี ประโยคทำนองว่า ช่วยๆ กันหน่อยให้บ้านเมืองสงบ ก็จะเป็นเรื่องของการปราม การเตือน หรืออย่างว่าหากทำตัวให้ไว้วางใจ ก็จะมีงานเพื่อบ้านเมืองข้างหน้า ในอนาคต ประโยคทำนองนี้ก็กึ่งเสนอประโยชน์ คืออาจไม่พูดโดยตรงว่าถ้าคุณเงียบ ถ้าคุณเชียร์เรามีอะไรให้คุณ แต่พูดในแง่ว่าภายภาคหน้ามีเรื่องที่จะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็มีสิ่งที่สามารถช่วยกันได้ สิ่งที่ผมตอบกลับไปผมก็ตอบว่าอย่าทำผิดละกัน ถ้าไม่มีอะไรผิดผมก็ไม่พูดอะไรหรอก แต่ถ้าผิดผมก็ต้องให้แง่มุมที่ถูกต้องแก่สังคม

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อมา การติดต่อเข้ามาทั้งหลายทั้งปวงก็อาจเป็นเรื่องหวังดี เรื่องเตือน แต่ไม่ถึงกับขู่ว่าถ้าไม่ทำจะปลด ปลดก็ปลดเลย

ผมก็ไม่ได้รู้จักคุณณัฐวุฒิ แต่ความที่เขาเป็นคนร้องเพลงฉ่อย เพลงลำตัดได้ ชอบสื่อสารกับคนโดยใช้ความเป็นศิลปินของตัวเอง นี่คือความน่ารักของเขา

 

คุณไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน หรือว่าก็พอจะตระหนักอยู่

ไม่ทราบ แต่ก็รู้ว่ามีความพยายามจะทำให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายก่อน เช่นว่าถ้า กกต. จาก 5 คน เหลือ 4 คนจะทำงานได้ไหม ก็รู้สึกพยายามจะสอบถามกัน พอได้คำตอบว่าได้ ก็จบทำนองนั้น

 

ถามว่ารู้สึกอย่างไรวันนี้ ก็สบายใจ เพราะว่าภาพของผมหลายคนเข้าใจว่าเป็นภาพเดียวกันกับทหาร เป็นภาพของการเกื้อกูล เป็นพวกเดียวกัน หรือบางคนคิดว่าผมดึงทหารเข้ามาด้วยซ้ำ ซึ่งผมไม่ได้ดึง ไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน จริงๆ วันที่มีการรัฐประหาร ผมเสนอทางออกฝ่ายการเมืองก็เห็นด้วย แต่มันไม่ถูกเดินหน้าต่อ เพราะอย่างนั้นพอเกิดการเอาผมออกอย่างนี้ผมก็สบายใจ หนึ่ง ภาพผมก็ไม่ติดยึดไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายนี้ และผมออกมาด้วยความสบายใจว่าผมทำอย่างอื่นได้เต็มที่และไม่มีอะไรติดตัวมา

 

คุณไม่มีปัญหากับตัวบุคคลใช่หรือเปล่า อย่างเช่น กับคุณยิ่งลักษณ์

คุณยิ่งลักษณ์ผมก็ไม่ได้รู้จักเขานะ เขาเป็นคนที่มีบุคลิกดีด้วยซ้ำ วางตัวดีเพียงแต่ว่าความเป็นตัวของตัวเองที่จะพูดที่จะตัดสินใจอะไร มันเหมือนกับว่ามีทีมที่จะคอยบอกผลต่างๆ กับคุณยิ่งลักษณ์ โดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้มีอะไรกับเขา

 

คนในเพื่อไทยหลายคนก็รู้จักกัน หลายคนที่โจมตีผมสมัยนั้น หลายคนก็เป็นคนที่ทำกิจกรรมมาด้วยกันสมัย 30-40 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่เมื่อเขาสวมหมวกแบบนี้เขาก็ต้องมีท่าทีแบบนี้ก็เข้าใจได้ หมอพรหมินทร์นี่ผมรู้จักเกือบ 40 ปี ภูมิธรรม หมอเหวง อาจารย์ธิดา ก็รู้จักกันมาในแวดวงทำกิจกรรม กับบุคคลนี่ไม่มีปัญหาใดๆ เลย

 

กับพลเอก ประยุทธ์ ผมเองก็ชื่นชมท่าน และท่านตั้งใจทำงาน เพียงแต่ว่าในแง่การตัดสินใจเดินหน้าต่ออย่างไร บางครั้งท่านใช้กลุ่มคนในการคิดการช่วย การเดินหน้าในด้านกฎหมายบางทีให้กลุ่มคนที่มาช่วยเสนอวิธีการที่ท่านเองก็คิดว่าไว้วางใจเขาว่าวิธีการนี้ดีที่สุด แต่ผมก็บอกว่ามีปัญหา ทั้งทางรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกต่างๆ ท่านพลเอก ประยุทธ์ ท่านมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปทำแล้วก็ออกมาแบบนี้ สิ่งที่ออกมาไม่เกี่ยวกับพลเอก ประยุทธ์ แต่เมื่อท่านรับฟังข้อเสนอ ท่านก็ทำตาม ก็มีปัญหาหลายเรื่อง

ถ้าต้องการทำให้ดีก็ต้องให้เวลาพอสมควร ถ้าหากว่า คสช. มีเจตนาที่แท้จริงในการให้เกิดการปฏิรูปการเมือง การเลือกตั้ง และมุ่งหวังว่าเราจะได้พรรคการเมืองที่ดีมาทำเพื่อประเทศ ผมก็ว่าต้องปลดล็อกให้ทำกิจกรรมต่างๆ ได้เร็วขึ้น

 

อาจารย์วิษณุเอง ช่วงหลังดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

ไม่มีๆ อาจารย์วิษณุเป็นคนที่ผมเคารพท่านหนึ่ง ผมไม่ได้เป็นลูกศิษย์ท่านนะ แต่ก็ถือว่าเป็นอาจารย์ที่สอนกฎหมายและผมก็ติดตามงานท่านพอสมควร ผมเจอท่านครั้งแรกๆ เมื่อไปร่างกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งอาจารย์วิษณุนั่งหัวโต๊ะ เวลาประชุมมันมีประเด็นถกเถียงเลอะเทอะไปหมด แต่ท่านวิษณุก็จะนั่งฟัง แล้วก็ก้มลงเขียนประโยคไม่กี่ประโยคแล้วเอามาอ่านต่อที่ประชุม แล้วถามว่าเอาอย่างนี้ไหม ทุกคนก็คอยตอบ นี่แหละคือสิ่งที่เราคุยกันทั้งหมด

 

แล้วการเป็น กกต. โซเชียล ที่เหมือนคุณมาตอบโต้ หรือดูแสบๆ คันๆ อันนี้เป็นบุคลิกส่วนตัวอยู่แล้ว หรือเป็นวิธีการสื่อสารในการใช้โซเชียลมีเดีย

เฟซบุ๊กใช้เป็นหลัก จริงๆ แล้วผมเริ่มต้น ผมอยากให้เฟซบุ๊กเป็นที่สร้างความสุขแก่คนในสังคม ช่วยให้คนในสังคมหรือเพื่อนมีความสุข การที่เราเขียนลงก็จะเป็นเรื่องทำให้คนยิ้ม มีแง่มุมต่างๆ ที่อาจคิดไม่ถึง ใส่ข้อความหรือภาพให้คนเห็นแล้วยิ้ม ไม่เคร่งเครียดเกินไป นี่คือเจตนาที่ผมใช้เฟซบุ๊ก

 

แต่เมื่อผมมาทำงาน ผมก็คิดว่าเป็นวิธีสื่อสารให้คนรับรู้ แต่การสื่อสารก็ต้องคิดเรื่องคำที่ใช้แล้วดึงดูด ข้อความก็ต้องเกิดการฉุกคิด แล้วข้อความต้องไม่ยาวเกินไป พอใช้แล้วคนติดตาม สื่อก็ติดตาม ก็คิดว่าเป็นการสื่อสารได้รวดเร็ว และบรรลุสิ่งที่ผมตั้งใจหลายๆ เรื่อง อย่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กระทรวงพาณิชย์มีปัญหาต้องแก้เรื่องจำนำข้าว เขาคิดทำอะไรบางอย่าง ผมก็โพสต์ไปว่าอย่าทำเลยไม่เกิดประโยชน์ เขาก็เปลี่ยนทันทีนะ แต่ถ้าเป็นราชการกระบวนการตอบโต้มันนานเท่าไรล่ะ หนึ่งต้องมาส่งจดหมายถึง กกต. ใช้เวลา 7 วันกลั่นกรองเรื่อง เข้าที่ประชุม พิจารณา 1-2 ครั้ง ส่งหนังสือกลับ ถามว่าทันไหม แต่พอทำแบบนี้เขาก็เปลี่ยนวิธีการทันที ย่นย่อเวลาต่างๆ

 

ถามว่าทุกวันนี้ ที่ผมเขียนมีข้อเสนอทางการเมืองไหม ทุกอย่างมีหมด อย่างแต่งกลอน มันเหมือนกับการเขียนหนังสือ การดูหนัง หมายความว่าหนังเรื่องหนึ่งดูแล้วอาจเห็นมุมไม่ครบทั้งหมด หรืออ่านหนังสืออาจเก็บใจความครบบ้างไม่ครบบ้าง แต่เรียนว่าเวลาผมเขียนอะไรก็แล้วแต่ ทุกเรื่อง ทุกภาพ ที่ประสงค์อยากให้มีความหมาย มีความหมายหมด อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวระยอง มีรูปผีเสื้อสมุทร ผมก็ไปโผล่ที่ผีเสื้อสมุทร ทำหน้าดุนิดหนึ่งแล้วก็บอกว่า ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องทุบ หรือการแต่งกลอนตอบโต้คุณณัฐวุฒิ ผมก็ไม่ได้รู้จักคุณณัฐวุฒิ แต่ความที่เขาเป็นคนร้องเพลงฉ่อย เพลงลำตัดได้ ชอบสื่อสารกับคนโดยใช้ความเป็นศิลปินของตัวเอง นี่คือความน่ารักของเขา

ตัวกฎหมายพรรคการเมืองเจตนาดีทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าการช่วยให้กฎหมายดังกล่าวเกิดการบังคับใช้อย่างได้ผล มันต้องผ่อนคลายตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2560

 

หลายกลุ่มการเมืองเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งที่ คสช. ยังไม่ปลดล็อก ถึงเวลาหรือยังที่ควรจะปลดล็อกได้แล้ว

คือผมก็ไม่เข้าใจเจตนาผู้มีอำนาจทั้งๆ ที่เวลาต่างๆ ใกล้เข้ามาแล้ว การมีเวลาทำอะไรได้เต็มที่ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพ คือผมเชื่อว่าแม้ให้เวลาสั้นๆ พรรคการเมืองต่างๆ ก็ทำได้ทัน ผมได้คุยกับเบอร์ใหญ่ๆ ของพรรคการเมือง เขาก็บอกว่าไม่ห่วงเลย เวลาเท่าไรก็ทำทัน

 

แต่คำถามก็คือว่าเราต้องการสิ่งนั้นหรือ ต้องการให้ทำอย่างลวกๆ เพื่อให้ครบตามเงื่อนไข หรือต้องการทำให้ดี ถ้าต้องการทำให้ดีก็ต้องให้เวลาพอสมควร ถ้าหากว่า คสช. มีเจตนาที่แท้จริงในการให้เกิดการปฏิรูปการเมือง การเลือกตั้ง และมุ่งหวังว่าเราจะได้พรรคการเมืองที่ดีมาทำเพื่อประเทศ ผมก็ว่าต้องปลดล็อกให้ทำกิจกรรมต่างๆ ได้เร็วขึ้น แต่การไม่ปลด จะอ้างเหตุกลัวบ้านเมืองวุ่นวายมันคนละเรื่องกัน คำสั่ง คสช. เรื่องการชุมนุมพรรคการเมือง มันก็สามารถยกเว้นเรื่องกิจการพรรคการเมือง ยกเว้นการจัดประชุมพรรคการเมือง การหาสมาชิก ก็ยกเว้นไป แต่ทุกวันนี้ราวกลับว่า คสช. ไม่ได้จริงใจกับการปฏิรูปการเมือง ไม่ได้จริงใจกับการอยากให้เกิดพรรคการเมืองที่ดีที่เข้มแข็งเป็นทางออกของบ้านเมืองในอนาคต

 

ปัจจุบันกลุ่มการเมืองใหม่ที่ได้รับรองให้จัดตั้งพรรคการเมืองยังมีน้อยมาก หลายพรรคการเมืองก็บ่นว่าขั้นตอนการตรวจสอบเยอะไปหมด คุณคิดว่าอุปสรรค เงื่อนไขกติกาทำให้พรรคการเมืองตั้งยากอยู่ตรงไหน

การจัดประชุมพรรค การรับรอง การให้จดแจ้งเป็นพรรคการเมือง มันก็เป็นกรอบเวลา มันจะทำให้พรรคการเมืองเติบโต เข้มแข็งพร้อมสู่การเลือกตั้งหรือไม่ ผมว่าเหนื่อย ลำบากพอสมควร เพราะเงื่อนไขในกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ เราเขียนดี (หัวเราะ) เขียนแล้วเรามุ่งหวังทำให้เกิดสิ่งที่ดีกับพรรคการเมืองในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่ารากฐานสมาชิกที่ต้องมีอย่างแท้จริง อยากให้มีการมีส่วนร่วม ก็ให้มีตัวแทนพรรค มีไพรมารีโหวต ก็เป็นการออกแบบที่ดีทั้งหมด โดยตัวกฎหมายผมไม่มีเครื่องหมายคำถามใดๆ ว่ามีเจตนาไม่ดีต่อพรรคการเมือง

 

ผมว่าตัวกฎหมายพรรคการเมืองเจตนาดีทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าการช่วยให้กฎหมายดังกล่าวเกิดการบังคับใช้อย่างได้ผล มันต้องผ่อนคลายตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2560 คือวันที่ พรป.พรรคการเมืองมีผลใช้บังคับ ไม่ใช่ว่าพอกฎหมายใช้บังคับก็ยังไม่ให้เขาทำอะไร แล้วจะเข้มแข็งได้อย่างไร ตอนนี้ก็มีเสียงบ่นว่าจะทำทันหรือ แล้วก็มาขอว่าไม่ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ มันก็กลับไปสู่ลูปเดิม

เอาอุดมการณ์ เอาความเป็นนักกฎหมายที่ดี เก็บใส่ลิ้นชักแล้วทั้งหมด ไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นนักกฎหมายที่อยากใช้กฎหมายให้เกิดผลดีต่อบ้านเมือง แต่เป็นการใช้กฎหมายแบบเดาใจฝ่ายปกครองว่าต้องการอะไร

 

มีหลายคนบอกว่า คสช. นี่เขี้ยวลากดินทางการเมืองมาก ไม่ปล่อยให้พรรคการเมืองเคลื่อนตัวโดยปกติ คิดอย่างนั้นไหม

ผมคิดว่าคนที่เป็นฝ่ายกฎหมายของ คสช. ควรต้องมีบทบาทให้ คสช. มีโอกาสเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจและควรกล้าพอที่จะไปพูดให้ฟัง

 

คือขณะนี้เราอยู่ในบรรยากาศที่ทุกคนในบ้านเมืองไม่กล้าพูดอะไร เกรงจะขัดใจ ทุกคนที่เป็นมือกฎหมาย ผมใช้คำว่า

 

“เอาอุดมการณ์ เอาความเป็นนักกฎหมายที่ดี เก็บใส่ลิ้นชักแล้วทั้งหมด ไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นนักกฎหมายที่อยากใช้กฎหมายให้เกิดผลดีต่อบ้านเมือง แต่เป็นการใช้กฎหมายแบบเดาใจฝ่ายปกครองว่าต้องการอะไร”

 

ทั้งที่ที่จริงแล้วอาจไม่ต้องการก็ได้ อาจไม่เขี้ยวก็ได้ อาจต้องการสิ่งที่ดีก็ได้ เพียงแต่ฝ่ายกฎหมายไปเดาใจว่าเขาต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้ก็เลยทำให้ไม่เสนอสิ่งซึ่งขัดใจ

 

กฎหมายใหม่กำหนดให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง คุณคิดว่าบทบาทจะซ้อนทับ หรือถูกจัดวางอย่างไร กับองค์กรเอกชนผู้สังเกตการณ์เลือกตั้ง ในฐานะที่คุณเคยทำงานมา คิดว่าจะถูกกีดกันไหม

ตัวองค์กรเอกชนมันก็ยังมีอยู่ ยังทำได้ เป็นภารกิจหนึ่งที่ กกต. ต้องส่งเสริม เพียงแต่ว่าการทำงานจะเป็นพิธีกรรม หรือทำจริงจังก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนที่อาสาเข้าไป รวมถึงท่าทีของ กกต. ในการให้การสนับสนุน

 

การมีองค์กรเอกชนในอดีตหลายต่อหลายครั้งก็เป็นพิธีกรรม เช่น เอาอาสาสมัครไปเฝ้าหน่วยเลือกตั้งแล้วตอนเย็นก็รายงานว่าเป็นปกติ แล้วรับเบี้ยเลี้ยงไป ก็ไม่ก่อผลเปลี่ยนแปลง ในขณะที่องค์กรที่กระตือรือร้นก็ต้องพยายามให้ทำได้เต็มที่ ไม่ทำให้เป็นอุปสรรคทำงานด้านเอกสารธุรการจนทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็เป็นสิ่งที่ทาง กกต. ต้องตระหนัก

 

แต่โดยธรรมชาติ กกต. ทุกประเทศไม่ชอบการตรวจสอบ การมีส่วนร่วม ก็เหมือนระบบราชการทั่วๆ ไป เราจะรำคาญประชาชนที่ตื่นตัว ที่รู้ดีรู้มากรู้เยอะ ก็เป็นเรื่องความเข้มแข็งของเอกชนที่ต้องทำบทบาทให้ประชาชนยอมรับแล้วทำงานคู่ขนาน

ระบบบัตรใบเดียวนำมาสู่การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ต้องยอมรับว่าเป็นจริงแน่นอน

 

บัตรใบเดียว กาทั้งคนทั้งพรรค จะทำให้ระบบหัวคะแนนมีบทบาท การเมืองกลับสู่ระบบเจ้าพ่อไหม

ระบบบัตรใบเดียวนำมาสู่การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ต้องยอมรับว่าเป็นจริงแน่นอน สมัยก่อนพรรคจะส่งคนเป็นผู้สมัครเขาต้องมั่นใจก่อนว่ามีโอกาสชนะ เขตไหนแพ้เขาทิ้งทั้งเขต เช่น สมมติว่าบางจังหวัดผมไม่มีคะแนนเสียงเลย ผมก็ส่งแค่จังหวัดเดียว จังหวัดอื่นไม่ส่ง ในภาคอาจส่งไม่กี่จังหวัด ไม่เคยส่งในภาคอื่น เพราะรู้สึกว่าแพ้แน่ๆ หรืออย่างพรรคใหญ่ก็อาจมีการเว้นเขตให้พรรคอื่น เขตนี้ให้คุณได้ขึ้นมา

 

แต่เมื่อเป็นบัตรใบเดียว ผลคือคะแนนผู้แพ้จะถูกเอามารวม ที่อาจารย์มีชัยเรียกว่าคะแนนไม่ตกน้ำหายไปไหน นำไปสู่การที่ทุกพรรคต้องส่งทุกเขตให้ได้มาทุกคะแนนเสียง จะมากจะน้อย กวาดเก็บหมดเพื่อมาคำนวณเป็น ส.ส. ที่พึงจะมี แล้วกลายเป็นจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อว่าจะมีสักเท่าไร

 

ดังนั้นการแข่งขันที่รุนแรงก็นำไปสู่ทุกวิธีการให้ได้ชัยชนะ วิธีที่ได้ผลสุดคือการใช้หัวคะแนน ต้องมีคนในพื้นที่มาคอยบอกกล่าวให้เลือกใคร จะให้ประโยชน์หรือไม่ให้ก็ตาม ตรงนี้สำคัญที่สุด ถ้ามีคนเหล่านี้บอก เชียร์ เสนอประโยชน์ ก็จะนำไปสู่คะแนนมากขึ้น

 

ดังนั้นการใช้อำนาจเงิน อำนาจอิทธิพล อำนาจรัฐ 3 อำนาจนี้เพื่อให้เกิดชัยชนะในการเลือกตั้งก็จะเต็มที่และโดยเทคโนโลยีที่เกิดในปัจจุบันก็ทำได้ง่ายขึ้น แต่ก็จับทุจริตได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

 

ความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรง ยิงกัน คุณมองว่าจะไปถึงขั้นนั้นไหม

ขึ้นอยู่กับ คสช. ว่าคุณมีอำนาจจนกระทั่งถึงเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง คุณก็ต้องใช้อำนาจของคุณในการที่จะช่วย กกต. จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสงบ ผมหวังจาก คสช. เรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่ได้หวังเรื่องอื่น กกต. เอง ผมก็คิดว่าหวังเรื่องนี้เรื่องเดียว ในการที่ว่าให้รัฐช่วยดูแล ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ เกิดขึ้น

 

 

คุณมองว่าท้ายสุดแล้ว รูปแบบการทำไพรมารีโหวตมันต้องปรับหรือไม่อย่างไร

เอาหลักการก่อน หลักการดี ตัวกฎหมายก็ออกแบบมาค่อนข้างดี เป็นการทำระดับเขตด้วยซ้ำ ให้ผู้สมัครผูกกับประชาชนในเขต ซึ่งตรรกะของการให้มี 100 คนใน 1 เขต มันก็เป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูง คุณจะเป็น ส.ส. ในเขตหนึ่ง คะแนนต้องได้อย่างน้อย 50,000 คะแนน ฉะนั้น 100 คนคุณหาไม่ได้คุณก็ไม่ควรสมัครเป็นตัวแทนของพรรคในเขตนั้นๆ

 

แต่ คสช. หวั่นไหวเกิน เกรงว่าจะทำไม่ได้ ก็ไปเขียนในบทเฉพาะกาลว่าให้ตัวแทนจังหวัด 100 คน สามารถทำไพรมารีทั้งจังหวัดได้ ผมคิดว่าเป็นการผ่อนคลายที่ไร้สาระ เป็นการทำลายหลักการของไพรมารีโหวต แล้วทำให้ทุกอย่างเป็นแค่พิธีกรรม หลอกลวงกัน เพราะคุณหาคน 100 คนในเขตเขตเดียว ข้ามเขตกันก็ไม่ได้นะ แล้วให้คน 100 คนจากเขตเขตเดียว ไปกำหนดตัวผู้สมัครทุกเขตในจังหวัดนั้น ซึ่งดูไร้สาระ

 

ถ้ามองในแง่ดี เอาล่ะในช่วงเริ่มแรก การทำเต็มรูปแบบทำไม่ไหว ก็ทดลองทำเป็นการเริ่มต้น ถ้าบอกว่าเป็นไปเพื่อการเรียนรู้ คุ้นชิน และต่อจากนี้ทำเต็มรูปแบบ ผมพอยอมรับได้

 

แต่พอถึงจุดที่บอกว่าจะไม่ทำเลย การไม่ทำเลยแปลว่าคุณละเมิดหลักการที่คุณออกแบบไว้ว่าดี แล้วคุณโอนอ่อนผ่อนตามกับสภาพข้อจำกัดของพรรคการเมืองบางพรรค แล้วก็บอกว่าเราพร้อมจะยกเลิกหลักการที่ดีเพื่อให้เกิดความสุขแก่คนบางคน พรรคบางพรรคได้ แล้วเราจะปฏิรูปอะไร

 

หรือถ้าทำเป็นภาค คนร้อยคนมันจะอยู่ตรงไหน จะรู้จักคนทั้งภาคไหม มันก็ยิ่งเป็นพิธีกรรม ถ้าจะทำแบบนั้นผมไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง และคนที่เสนอ ผมคิดว่าควรละอายใจบ้างที่เสนอสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง

บทบาทที่ดีที่สุดคือวางตัวเป็นกลาง ทำหน้าที่สนับสนุน กกต. ในการจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อได้มาซึ่งฝ่ายการเมืองที่มาจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

 

ตอนนี้ กกต. ใหม่ เริ่มเข้ามากัน คุณคิดว่าต่อจากนี้ 4-5 เดือน การทำหน้าที่จะเป็นอย่างไรบ้าง

ผมเป็นห่วงเขา เพราะว่าเมื่อเขาเข้ามาทำงานใหม่ สิ่งที่เขาต้องพึ่งพามากสุดคือ สำนักงาน กกต. ที่จะเสนอเรื่องราวต่างๆ มาให้เขาตัดสินใจ ตอนนี้โดยความเป็นสำนักงานก็คือหน่วยงานราชการ ซึ่งมีพฤติกรรมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ทำในสิ่งที่เคยทำ แล้วก็ทำในสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้น กกต. ใหม่ ท่านจะอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมของการทำงานในลักษณะแบบนี้ ในกรณีท่านไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร ไปเชื่อข้อเสนอต่างๆ โดยที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปกำกับเต็มที่

 

ท้ายสุดปัญหาจะเกิดกับตัวท่านเอง ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องกังวล ซึ่งชุดใหม่มีภารกิจสำคัญ 3 อย่าง หนึ่ง การได้มาซึ่ง ส.ว. สอง การเลือกตั้ง ส.ส. และสาม การเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งครบกำหนดเลือกตั้งแล้วทั้งหมด จะกี่พันแห่งก็แล้วแต่ สามอย่างที่จะต้องเกิดขึ้นใน 1 ปี เป็นภาระที่หนักที่สุดของ กกต.

 

ในการเลือกตั้ง คสช. ควรวางตัวเองแบบไหน

เรื่องรัฐบาลรักษาการ มันไม่มีกติกาแบบนั้น เขาจะต้องเป็นรัฐบาลไปจนกว่าจะตั้งรัฐบาลชุดใหม่ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าการที่จะวางบทบาทในการเลือกตั้งอย่างไร บทบาทที่ดีที่สุดคือวางตัวเป็นกลาง ทำหน้าที่สนับสนุน กกต. ในการจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อได้มาซึ่งฝ่ายการเมืองที่มาจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือบทที่ดีที่สุด บทที่รองลงไปคือ ท่านลงมาเล่น มาแข่งขันเอง ผมมองว่าจะนำมาซึ่งความแตกแยกในบ้านเมืองครั้งใหม่ เพราะเท่ากับว่า คสช. มาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน แล้วก็เป็นคู่ขัดแย้ง ดีไม่ดีแคมเปญรณรงค์ในการเลือกตั้งที่จะเกิด จะกลายเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 ฝ่าย เอาทหาร กับสอง ไม่เอาทหาร เอาประยุทธ์ ไม่เอาประยุทธ์ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ชนะก็เป็นปัญหา แพ้ก็เป็นปัญหา

 

ชนะ คือ คสช. ใช้อำนาจรัฐทำให้ตัวเองมีอำนาจต่อไป การยอมรับก็จะไม่เกิด จะเกิดการต่อต้าน ก็จะอยู่ยาก

 

ถ้าแพ้ก็จะเสียหายต่อหน้าตาของท่าน ขนาดท่านมีอำนาจในบ้านเมือง ประชาชนยังไม่เอาท่านเลย ท่านก็มีปัญหาศักดิ์ศรีของการที่จะอยู่ต่อไป ก็เป็นผลเสียต่อตัวท่าน

 

ดังนั้นผมอยากเห็นหน้าตา คสช.ในหน้าตาแรก ซึ่งเป็นหน้าตาที่ดี ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง เป็นหน้าตาที่ทำให้ลงอย่างสง่างามและพร้อมสนับสนุนฝ่ายการเมืองที่ประชาชนเห็นว่าดีที่สุดให้ทำหน้าที่ต่อไป และก็ปล่อยวางให้ฝ่ายการเมืองเองนั้นเป็นฝ่ายแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ผมว่าประชาชนก็ได้บทเรียนมาพอสมควรว่าจะเลือกใคร ไม่เลือกใคร ให้ประชาชนตัดสินใจเอง เลือกทางเลือกของประชาชนเอง

แต่อย่างไรก็ตามผมอยากให้กำลังใจประชาชนว่าอย่าเพิ่งไปท้อกับสิ่งนี้ แต่จำให้มั่นว่าใครเป็นใคร ใครทำอะไร แล้วพอถึงเวลาเลือกตั้ง ให้บทเรียนคนเหล่านั้น แล้วประเทศไทยจะมีทางออก

 

วันหนึ่ง คุณอยากลงมาเป็นผู้เล่นในสนามการเมืองไหม

อยากนะ แต่ต้องมีความพร้อม ไม่ใช่ว่าผมอยากเป็นผู้มีอำนาจนะ แต่ว่ากลไกในบ้านเมืองต้องการแก้ไขในหลายๆ เรื่อง และต้องการคนซึ่งกล้าลงไปแก้ไข ซึ่งผมเป็นคนกล้า การลงไปต้องมีความพร้อม เช่น มีสถานะ รายได้เพียงพอในการดำรงชีวิตระดับหนึ่ง คือการเมืองไม่ใช่การลงไปสร้างความร่ำรวยจากการเมือง ซึ่งถ้าเราไม่มีอะไร แล้วลงไปสร้างความร่ำรวยจากการเมือง เราก็จะไม่แตกต่างอะไรกับหลายๆ คนที่เป็นปัญหาในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นเราต้องมีความพร้อมของตัวเองก่อน เรื่องที่สองคือจังหวะเวลา ลงไปแล้วต้องทำอะไรได้พอสมควร

 

เคยถูกทาบทามไหม

เยอะ แต่ผมก็ปฏิเสธไปว่าผมขอทำงานของผมก่อน แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะลงไป ผมไม่ได้คิดว่าผมอายุเยอะ วันนี้เรายังมีแรงทำอะไรหลายๆ อย่าง

 

คนคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะช่วยคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจ สังคม คุณมองอย่างนั้นไหม

ถ้าหากให้ผมดูสถานการณ์ปัจจุบัน ผมยังไม่เห็นทิศทางการเดินที่ดีของการเมืองไทย เพราะว่าพฤติกรรมของหลายฝ่ายที่อยู่ในวงการเมือง มันกลับมาสู่สภาพการณ์เดิมๆแล้ว คือ ใครก็ได้ ฝ่ายไหนก็ได้ คนไหนก็ได้ถ้าหากว่ามีคะแนนเสียง ดึงเข้ามาหมด พยายามดึงเข้ามาเป็นพวก ที่เขาเรียก ดูดไม่เลือก มันเป็นการมองข้ามเรื่องคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถเปิดโอกาสให้คนดีเข้าบริหารบ้านเมือง แต่เป็นการไว้วางใจกับรุ่นเก่าที่เคยสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองในหลายๆ เรื่อง

 

เพราะฉะนั้นถ้าทิศทางการเมืองเรายังเดินไปอย่างนี้ผมไม่ค่อยสบายใจนัก

 

แต่อย่างไรก็ตามผมอยากให้กำลังใจประชาชนว่าอย่าเพิ่งไปท้อกับสิ่งนี้ แต่จำให้มั่นว่าใครเป็นใคร ใครทำอะไร แล้วพอถึงเวลาเลือกตั้ง ให้บทเรียนคนเหล่านั้น แล้วประเทศไทยจะมีทางออก ณ วันนี้ใครอยากทำอะไร อยากอยู่กับใครทำไป เพียงแต่ประชาชนต้องจำให้ได้ ว่าใครเคยพูดอะไร ใครเคยเปลี่ยนอุดมการณ์อะไรมาบ้าง เมื่อเวลาเลือกตั้งมาถึง ให้บทเรียนกับเขา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising