โมเมนต์ที่มีความสุขที่สุดเวลานอนโรงแรม 5 ดาวคืออะไร?
คิดเหมือนกันใช่ไหม ช่วงเวลาตอนได้ล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่นุ่มจนไม่อยากลุกไปไหน คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการพักผ่อน เข้าใจเลยที่ใครๆ พูดว่า “ความสุขที่แท้จริง เริ่มต้นจากการนอน” เพราะมันสุขใจจนอยากให้ความสุขแบบนี้เกิดขึ้นในห้องนอนของเราบ้าง
จากนี้ไปคุณเองก็สามารถมีที่นอนแบบโรงแรม 5 ดาวได้ในราคาที่ใครก็เข้าถึง เพราะ THE STANDARD จะพาไปรู้จักกับ ‘SleepHappy’ ที่นอนคุณภาพระดับพรีเมียมที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปี และอยู่เบื้องหลังที่นอนคุณภาพในโรงแรม 5 ดาวทั่วโลก จนได้รับเลือกให้เป็นคู่ค้าทางการค้าของ The World Top 5 Hotel Major Chains ได้แก่ Marriott Group, Accor Group, Best Western Hotels & Resorts, Radisson Hotels และ Wyndham Hotels & Resorts
วิกรม โชควงศ์อนันต์ Co-Owner & Chief Revenue Officer ทายาทรุ่นสองของบริษัท สลีพเวลล์ กรุ๊ป ที่ดูแลด้านการตลาดและการพัฒนาสินค้าให้กับบริษัททั้งหมดในเครือ มองเห็นโอกาสในตลาดค้าปลีกและตั้งใจที่จะยกระดับทุกการนอนให้สุขขึ้นกว่าเดิม จึงตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์ SleepHappy เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคทั่วไป ขายผ่านช่องทางออนไลน์ของแบรนด์โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยนำประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และการมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง สรรค์สร้างที่นอนหลากโมเดลในราคาที่ใครก็เข้าถึงได้
“ช่วงแรกเราผลิตที่นอนจากใยมะพร้าวส่งออกตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป จนกระทั่งปี 2005 เราตัดสินใจนำเทคโนโลยี Pocket Spring มาใช้ เพราะเป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถซัพพอร์ตทุกสรีระของผู้นอนและรองรับน้ำหนักได้มากถึง 300 กิโลกรัม นั่นเป็นมาตรฐานที่โรงแรมระดับ 5 ดาวมองหา ประกอบกับมาตรฐานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าที่ใช้ต้องกันไรฝุ่น กันไฟลาม ต้องผ่านการทดสอบความคงทนโดยการเทสต์ลูกกลิ้ง (The Cornell Testing) กว่า 1 แสนครั้ง เทียบเท่าอายุการใช้งานอย่างต่ำ 10 ปี”
จากความเชี่ยวชาญกว่า 25 ปี สู่ความเชื่อมั่นที่จะรุกตลาด D2C (Direct to Customer) หรือการที่แบรนด์ขายสินค้าตรงให้กับลูกค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของ SleepHappy โดยมีพันธกิจหลักคือ ‘ยกระดับทุกการนอน ให้สุขขึ้นกว่าเดิม’ ภายใต้แนวคิด ‘Best in Class with World Class Standard’ ด้วยราคาที่ใครก็เข้าถึงได้
“เหตุผลที่เรามองว่าการเจาะตลาดผู้บริโภคโดยตรง โดยที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางน่าจะเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากเราเป็นผู้ผลิตที่นอนตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ และเป็นผู้รับผลิตที่นอนให้กับแบรนด์อื่นๆ มาก่อน จึงรู้ต้นทุนราคาของวัสดุทุกอย่าง และรู้ว่าวัสดุแบบไหนเหมาะจะมาผลิตเป็นที่นอนระดับพรีเมียม วัสดุแบบไหนทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น ยิ่งพอเห็นราคาที่นอนในตลาดพรีเมียมหลายแบรนด์อัปราคาสูงมาก ในเมื่อเราผลิตที่นอนให้กับโรงแรม 5 ดาวอยู่แล้ว ทำไมจะผลิตที่นอนคุณภาพเดียวกันให้กับผู้บริโภคทั่วไปไม่ได้ ที่สำคัญเรามีโรงงานผลิตของตัวเอง จึงสามารถควบคุมต้นทุนได้และตั้งราคาขายที่ใครก็สามารถเข้าถึง”
ความลับที่ซ่อนอยู่ใน ‘คุณภาพที่เกินราคา’
“คุณภาพขนาดนี้เจาะตลาดพรีเมียมขายราคานี้ได้จริงเหรอ? คือคำถามที่เราเจอบ่อยมากในช่วงแรก มันเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายของการทำตลาดค้าปลีก เพราะเราเลือกขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น
“คนไม่เชื่อว่าสินค้าระดับนี้ทำราคาแบบนี้ได้อย่างไร ของก็ไม่เห็น โชว์รูมก็ไม่มี จึงมองว่าน่าจะต้องเริ่มสร้างแบรนด์ให้คนรู้จักมากขึ้น เราจ้างอินฟลูและ KOL มารีวิว เพื่อสื่อสารว่า SleepHappy คือใคร เชี่ยวชาญอย่างไร และทำไมถึงสามารถผลิตสินค้าพรีเมียมในราคานี้ได้
“หลังจากที่เราสื่อสารผ่านอินฟลูและ KOL ให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น ลูกค้าก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าการที่เรามีโรงงานผลิตเองทำให้ควบคุมราคาต้นทุนได้โดยไม่จำเป็นต้องลดคุณภาพวัสดุ หรือการขายเองผ่าน Website, LINE และ Facebook ของแบรนด์โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ลูกค้าก็ไม่ต้องซื้อสินค้าที่บวกราคาเพิ่ม การออกแบบที่นอนให้สามารถ ‘ม้วน’ ได้ ยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการขนส่งแต่ละรอบ เราเป็นเจ้าแรกที่นำเข้า Roll Package Technology นอกจากจะประหยัดพื้นที่จัดเก็บให้กับลูกค้า ยังพบว่าค่าใช้จ่ายในการขนส่งลดลง จึงไม่จำเป็นต้องบวกราคาเพิ่ม”
เมื่อผู้บริโภคเข้าใจว่าทำไมแบรนด์ถึงสามารถทำราคาที่ใครก็เข้าถึงได้ ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์มากขึ้น ส่งผลให้ปี 2022-2023 แบรนด์ทำยอดขายเติบโต 100% และล่าสุดยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุด Top 3 บนแพลตฟอร์ม Shopee กับแคมเปญใหญ่ 2.2 ที่ผ่านมา
วิกรมบอกว่าสิ่งที่ทำให้ SleepHappy ประสบความสำเร็จเกิดจากความเชี่ยวชาญ 4 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว การนำข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญที่ดีคอยให้คำแนะนำ และการบริการลูกค้า
‘คุณภาพการผลิต’ คือสิ่งสำคัญที่แบรนด์ยึดถือมาตลอด และยังต้องเป็นคุณภาพมาตรฐานเดียวกันกับโรงแรม 5 ดาว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผ้าที่มีเส้นใย GSM คุณภาพสูง ต้องเป็นผ้าที่มีเส้นใยมากกว่า 300 เส้นด้าย ยิ่งซักยิ่งนุ่ม หรือชั้นวัสดุคอมฟอร์ตพลัสโฟม ต้องผลิตจากโฟมที่มีความคงทนสูงเป็นพิเศษ ยางพาราก็ต้องเป็นยางพาราธรรมชาติ 100% แม้แต่กาวที่ใช้ในกระบวนการผลิตจะต้องไม่มีกลิ่นและไม่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้าง โดยเฉพาะสปริง ความหนาของสปริงมีผลต่อการนอน Pocket Spring ของที่นอน SleepHappy จะต้องมีความหนาอยู่ที่ 2.0-2.3 ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถม้วนและคืนตัวได้ คงทน มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี
“นี่เป็นเหตุผลที่เราลงทุนในเครื่องจักร วัสดุ และนำเข้านวัตกรรมจากต่างประเทศ เรามีแล็บเทสต์ที่ได้มาตรฐาน ใช้ตรวจสอบสินค้าทุกขั้นตอนการผลิต เพราะเราต้องมั่นใจว่าสินค้าทุกชิ้นได้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะซื้อปีนี้หรือปีไหน”
แกนต่อมาคือการนำ ‘ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า’ มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทำให้ SleepHappy สามารถผลิตที่นอนที่ตอบโจทย์ทุกวัยและทุกปัญหาการนอน “ที่ผ่านมาเรามีการทำวิจัยอยู่เสมอเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าตั้งแต่รูปร่าง อายุ น้ำหนัก พฤติกรรมการนอน รูปแบบการนอนที่ชอบ ไปจนถึงปัญหาการนอน เพื่อหาให้เจอว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริง และอะไรคือสิ่งที่เขามองหา”
วิกรมยกตัวอย่างที่นอน Pocket Spring รุ่น Atlantis ในตอนแรกได้รับการตอบรับอย่างดี แต่ก็มีฟีดแบ็กมาว่ายังมีลูกค้าบางกลุ่มที่ชอบที่นอนยางพารา จึงพัฒนารุ่นใหม่ Atlantis V2 ที่มีชั้นยางพารามาช่วยซัพพอร์ตหลัง จนมาถึงรุ่นล่าสุด Atlantis Max ยกระดับการนอนอีกขั้นด้วยนวัตกรรม Dynamic Cooling MAX ช่วยเก็บความเย็นในผ้าหุ้มที่นอน เสริมด้วยชั้นยางพาราธรรมชาติ ลดการปวดหลังขณะนอนหลับ ตอบโจทย์สภาพเมืองไทยที่ร้อนตลอดทั้งปี
“การที่เราเข้าใจว่าแต่ละบุคคลมีสรีระไม่เหมือนกัน มีไลฟ์สไตล์การนอนและความต้องการที่แตกต่างกันไป ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดพรีเมียม แบรนด์อื่นอาจผลิตแค่ไม่กี่รุ่น เพราะไม่อยากแบกต้นทุนการผลิต แต่เราเป็นแบรนด์เดียวที่สามารถผลิตที่นอนได้หลายรุ่น หลายโมเดล เพราะเชื่อว่าที่นอนควรออกแบบให้เหมาะกับสรีระและความต้องการที่ต่างกัน หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างการยกที่นอน ผู้หญิงส่วนมากถ้าเป็นที่นอน 6 ฟุตก็ยกไม่ไหว เราจึงผลิตที่นอนน้ำหนักเบาให้ผู้หญิงสามารถยกได้ นอกจากนั้นยังมีที่นอนสำหรับคนน้ำหนักเยอะ ผู้สูงอายุ คนปวดหลัง หรือแม้แต่คนชอบนอนตะแคง”
เมื่อมีสินค้าที่ดีอยู่ในมือ ก็ต้องมี ‘ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่คอยให้คำแนะนำ’ โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก พนักงานที่จะให้คำแนะนำลูกค้าต้องรู้จักผลิตภัณฑ์อย่างดีและเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างถ่องแท้
“เริ่มแรกเราใช้ทีมที่เคยทำตลาด B2B (Business to Business) ให้กับแบรนด์มาก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มทำคู่มือการทำงานให้กับทีมผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ ก่อนทำงานจริงทุกคนต้องผ่านการอบรมก่อนเพื่อเข้าใจตัวตนของแบรนด์ รู้จักสินค้าทุกรุ่น จุดเด่นอยู่ตรงไหน เหมาะกับใคร และถ้าเจอลูกค้ามีปัญหาแบบนี้จะแนะนำสินค้าตัวไหน ต้องผ่านการเทสต์ก่อนทำงานเพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกัน นี่เป็นเหตุผลที่ทำไม SleepHappy มียอดคืนสินค้าที่ต่ำ
“สุดท้ายคือเรื่อง ‘การบริการลูกค้า’ เราให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มแนะนำสินค้าไปจนถึงบริการหลังการขาย มีทีมที่คอยตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้า รับฟังฟีดแบ็ก เพื่อจะได้รู้ว่าลูกค้าพึงพอใจหรือยัง และมีอะไรที่เราสามารถปรับปรุงได้ทั้งเรื่องบริการและผลิตภัณฑ์ที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต ที่สำคัญที่นอนทุกรุ่น ทุกแบบ มีการรับประกันโครงสร้างที่นอน 10 ปี หากที่นอนยุบหรือเสื่อมสภาพสามารถเคลมได้”
กลยุทธ์การตลาดต่อจากนี้
แม้ว่าตอนนี้คะแนนความเชื่อมั่นของแบรนด์จะพุ่งสูงขึ้น วัดจากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่วิกรมยังมองว่าการสร้าง Brand Awareness เป็นสิ่งที่ยังต้องทำอยู่และต้องทำต่อ
“เรามั่นใจว่าลูกค้าที่รู้จักและเคยใช้สินค้าของ SleepHappy มีความเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น แต่เรายังอยากสร้างตัวตนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นผ่านช่องทางโซเชียลที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ให้มากยิ่งขึ้น และมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาต่อ โดยเฉพาะเรื่องการขนส่ง เนื่องจากเราขายผ่านออนไลน์เป็นหลัก ความเร็วในการส่งสินค้าจึงสำคัญ”
วิกรมบอกว่าเริ่มวางแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ทั้งการเพิ่มบริการส่งสินค้าด่วนภายในกรุงเทพฯ จะได้รับในวันที่สั่งหรืออย่างน้อยวันถัดไป แต่หากในต่างจังหวัดจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ไปจนถึงการวางแผนเพิ่มคลังสินค้าต่อไปในอนาคต
“เราลงทุนในระบบการจัดการทั้งหมด ระบบคลัง ระบบกระจายสินค้า ระบบการผลิต เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยจะใช้ข้อมูลที่ได้จากลูกค้าและข้อมูลทางการตลาด รวมถึงการทำวิจัย มาช่วยกำหนดกลยุทธ์การตลาดและนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน”
ด้านกำลังการผลิตและยอดขาย วิกรมตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า และเตรียมเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้สามารถซื้อผ่านแบรนด์โดยตรงบน Website, Facebook, LINE และ TikTok รวมถึงมาร์เก็ตเพลสอย่าง Shopee และ Lazada นอกจากนี้ยังจะได้เห็นกลยุทธ์ Omni-Channel ประเดิมด้วยการเปิดบูธครั้งแรกที่งานบ้านและสวนแฟร์ Select 2024
เมื่อถามว่าเป้าหมายแบรนด์ต่อจากนี้คืออะไร วิกรมบอกว่า SleepHappy จะต้องเป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาค ด้วยการนำนวัตกรรมที่ดีที่สุดมาขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมาย นั่นคือเป้าหมายทางธุรกิจ แต่ไม่ว่า SleepHappy จะเติบโตไปทิศทางไหน สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุดคือ ‘คุณภาพการนอนที่ดี’
“ใน 1 วัน เราใช้เวลาไปกับการนอน 8 ชั่วโมง 1 ปีก็ 2,920 ชั่วโมง ถ้านอนไม่ดี หลับไม่ลึก มันส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด ลองนึกภาพตาม ถ้าทุกคนมีสุขภาพกายใจที่ดี ได้นอนหลับเต็มอิ่ม สังคมของเราก็จะเต็มไปด้วยคนสุขภาพกายดี สุขภาพใจดี ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดี นี่จึงเป็นความตั้งใจของแบรนด์ที่ต้องการส่งมอบที่นอนที่ดีในราคาที่คุ้มค่า เพื่อยกระดับความสุขในการนอนให้กับคนไทยทุกคน เพราะที่นอนที่ดี คือจุดเริ่มต้นของความสุข” วิกรมกล่าวทิ้งท้าย
สำหรับใครที่อยากไปลองจับ สัมผัสประสบการณ์การนอนที่สุขกว่าเดิม แวะไปที่บูธของ SleepHappy ในงานบ้านและสวนแฟร์ Select 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23-31 มีนาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา โซนเฟอร์นิเจอร์ บูธเลขที่ F13-F14 เพื่อค้นหาที่นอนที่ตอบโจทย์การนอนของคุณด้วยตัวเอง
หรือถ้าอยากดูรายละเอียดสินค้าและสั่งซื้อสินค้า คลิกเข้าไปที่ www.sleephappy.co.th
LINE OA: @sleephappyth
Facebook: https://www.facebook.com/sleephappyth
TikTok: https://www.tiktok.com/@sleephappyth
Shopee: https://shopee.co.th/sleephappy_th
Lazada: https://www.lazada.co.th/shop/sleepcity-official-store
NocNoc: https://nocnoc.com/sl/SleepCity-Official-Store/180641?area=pdp-sellerProfile-10227942
หรือโทร. 09 9745 4265