วันนี้ (23 มีนาคม) ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จัดแถลงข่าวกรณีการโพสต์ภาพพร้อมข้อความบนเฟซบุ๊ก เป็นภาพธนบัตรชนิด 1,000 บาทในถุงกระดาษ พร้อมข้อความ “แฉไป ไถไป”
ษิทรากล่าวว่า สำหรับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือเป็นไอดอลที่ตนติดตามมาตลอด มีผู้ใกล้ชิดระบุว่าชูวิทย์เป็นคนที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ แต่ต่อมาตนได้ข้อมูลมาจากหลายทาง ซึ่งมีหลานของชูวิทย์ด้วยคนหนึ่ง แม้ตอนนี้คงมีใครหลายคนคิดว่าตนบ้าที่จะออกมาเปิดโปงพฤติการณ์ชูวิทย์ เรื่องเงินจำนวน 6 ล้านบาทที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และยังมีเงินจากเครือข่ายอีกครั้งละ 10 ล้านบาท
ษิทรากล่าวต่อว่า ในรายการโทรทัศน์หนึ่งได้เคยระบุถึงตำรวจนอกราชการนายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 ที่สนิทสนมกับชูวิทย์ คอยประสานงานต่างๆ ให้ ซึ่งตนยังทราบข้อมูลจากคนวงในอีกว่า ชูวิทย์มีความสนิทสนมกับผู้ที่ทำธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ากับกัญชา ซึ่งผู้นี้เป็นผู้ที่พาสารวัตรซัว หรือ พ.ต.ท. วสวัตติ์ มุครสกุล อดีตสารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าของเว็บไซต์พนันไปพบชูวิทย์เพื่อพูดคุยและให้เงินกัน
ษิทราฝากคำถามถึงชูวิทย์ที่เคยโพสต์เฟซบุ๊กถึง แทนไท เมื่อวันที่ 21 มกราคมว่า นับจากนั้นก็ไม่เคยโพสต์ถึงอีกนั่นเป็นเพราะอะไร เพราะว่ามีคนพาแทนไทที่เป็นเจ้าของเว็บพนันไปพบเมื่อวันตรุษจีนหรือไม่ โดยเรื่องนี้ตนจะร้องเรียนไปยังตำรวจสอบสวนกลางให้ตรวจสอบเงินสกุลดิจิทัลมูลค่ากว่า 50 ล้านบาทที่เข้าบัญชีบุคคลรายนี้ ซึ่งเงินส่วนนี้เองที่ถูกนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลและอื่นๆ
ษิทรากล่าวยืนยันว่าไม่ได้รับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ หลังจากนี้ก็เตรียมใจแล้วว่าจะโดนอะไรบ้าง แต่ที่ออกมาเปิดโปงเพราะผิดหวังกับชูวิทย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คนที่ตนเคยประกาศไว้ว่าจะไม่มีปัญหาด้วย และไม่ได้โกรธแค้นชูวิทย์เป็นการส่วนตัว แต่ไม่อยากให้มีการเลียนแบบที่ออกมาแฉแล้วเรียกผลประโยชน์ เรื่องนี้ไม่ใช่เกมการเมือง เพราะตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่ได้รับงานจากพรรคการเมืองใด แต่ในอนาคตก็ยินดีที่จะร่วมมือกับชูวิทย์เพื่อเปิดโปงโครงการทุจริตรถไฟฟ้า ไม่ใช่เพียงสีใดสีหนึ่ง หากชูวิทย์ไม่รังเกียจ