ดูเหมือนว่าการปรับเกมรุกของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่หันมาทำโครงการแนวราบจับกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักจะวางหมากถูกกระดาน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีความมั่นคงทางการเงิน หากไม่ซื้อเป็นบ้านหลังที่สอง ก็ซื้อเพื่อการลงทุน คาดหวังผลตอบแทนในอนาคต และไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและการระบาดของเชื้อโรคโควิดมากนัก จึงเติบโตสวนกระแส
ปี 2564 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่า ตลาดบ้านหรูในระดับลักชัวรียังคงมีการเติบโตสวนกระแส แม้ระยะเวลาในการขายบ้านแต่ละโครงการอาจไม่รวดเร็วเท่ากับบ้านกลุ่มอื่น แต่โดยมากภายใน 2-3 ปี บางโครงการสามารถปิดการขายได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกัน แม้ราคาจะไม่ใช่ประเด็นหลักของลูกค้ากลุ่มนี้ แต่ต้องคุ้มค่ากับทำเลที่ได้ รูปแบบบ้านและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงคุณภาพชีวิตที่ได้
สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ประกาศความสำเร็จ ปิดการขายได้ภายใน 3 ปี
ความต้องการข้างต้น อาจสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ทำให้โครงการบ้านเดี่ยวระดับอัลตราลักชัวรี สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส (Santiburi The Residences) ของ สิงห์ เอสเตท บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน ปิดการขายโครงการมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ได้ภายใน 3 ปี ตอกย้ำคุณภาพบ้านในแบบสิงห์ เอสเตท และพิสูจน์ศักยภาพในการสร้างบ้านแนวราบโครงการแรกที่มีราคาสูงที่สุดตอนเปิดตัว
โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ถือเป็นโครงการแฟลกชิป ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการอสังหาฯ ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2561 จนถึงตอนนี้ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ยังครองตำแหน่งโครงการที่มีราคาบ้านต่อหลังสูงที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกัน ด้วยราคาเริ่มต้น 250 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 45 ไร่ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม บ้านส่วนตัวเพียง 25 หลัง พื้นที่ใช้สอยแต่ละหลังประมาณ 1,366-1,455 ตารางเมตร มาพร้อมแนวคิด ‘Connoisseur of Pleasant Living’ หรือ ลึกซึ้งถึงทุกรายละเอียดของความสุข เน้นออกแบบบ้านให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และมีความเป็นส่วนตัวสูงสุด ในสไตล์ ‘ลักชัวรีโมเดิร์นทรอปิคัล’ ภายใต้ปรัชญาของแบรนด์สันติบุรี การผสมผสาน ‘ปรัชญาการใช้ชีวิต’ และ ‘ปรัชญาของธรรมชาติ’ ไว้อย่างลงตัว
ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ถือเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายของสิงห์ เอสเตท สำหรับการพัฒนาโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ซึ่งมีราคา 250 ล้านบาทต่อหลัง นอกจากจะเป็นโครงการแนวราบโครงการแรกของเราแล้ว ยังเป็นโครงการแนวราบที่มีราคาสูงที่สุด ณ ขณะนั้นในปี 2561 ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ล่าสุดสามารถปิดการขายโครงการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ความสำเร็จของโครงการนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความมั่นใจจากลูกค้า ถึงศักยภาพในการพัฒนาโครงการแนวราบของสิงห์ เอสเตท ได้เป็นอย่างดี”
‘บ้านแบบสิงห์ เอสเตท’ ก่อสร้างผ่าน 3 แนวคิด Smart Living, Healthy Living และ Sustainable Living
เป็นที่รู้กันว่า สิงห์ เอสเตท ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจและการลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง และพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพภายใต้แนวคิด ‘Best in Class’ โดยยึด 3 แกนหลักในการพัฒนา ‘บ้านแบบสิงห์ เอสเตท’ นั่นก็คือ Smart Living, Healthy Living และ Sustainable Living ลงลึกในทุกรายละเอียด และใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอนของการสร้างบ้าน เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ‘Enriching Living’ ให้ลูกบ้านทุกคน ไปพร้อมกับการให้ความสำคัญดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ
ล่าสุด สิงห์ เอสเตท เตรียมพัฒนาโครงการแนวราบแห่งใหม่ เป็นโครงการบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในระดับราคาประมาณ 60-100 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวโครงการในไตรมาสที่ 4 ปี 2565
