ราคาหุ้นกลุ่มเดินเรือที่ปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ 3 หุ้นหลักในกลุ่มอย่าง บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL), บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) และ บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) ล่าสุดราคาหุ้นยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะ RCL ปรับตัวขึ้นได้สูงสุดถึง 18% จากวันก่อนหน้า แตะระดับ 12.80 บาท ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ขณะที่ PSL และ TTA เพิ่มขึ้นราว 6-10% ซึ่งราคากลับไปใกล้เคียงกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส (หัวหน้างานภูมิภาค ปฏิบัติการ และธุรกิจ) บมจ.อาร์ ซี แอล เปิดเผยผ่านงาน Opportunity Day เมื่อเร็วๆ นี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรกทำให้ผู้บริโภคแห่กักตุนสินค้า ขณะที่ความต้องการขายสินค้าเกี่ยวกับการแพทย์สูงขึ้น และที่สำคัญคือการขายสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการขายสินค้าออนไลน์จำเป็นต้องสต๊อกสินค้ามากขึ้น รวมถึงแรงหนุนจากการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ทำให้เกิดความต้องการซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น เช่น อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
จากความต้องการซื้อสินค้าต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาด้วยประเด็นที่ตู้คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่งสินค้าขาดแคลน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดแคลนด้านแรงงาน
“ในธุรกิจขนส่งทางเรือใช้คนงานที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก ทั้งในส่วนของพนักงานขับรถบรรทุก พนักงานประจำคลังสินค้า และพนักงานประจำท่าเรือ แต่เมื่อพนักงานเหล่านี้ไม่สามารถออกมาทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ระยะเวลาในการจัดการการขนส่งเพิ่มขึ้น อย่างในช่วงเวลาปกติอาจจะใช้เวลาประมาณ 7 วันสำหรับการขนส่งสินค้าไปในประเทศหนึ่งและนำตู้กลับออกมา แต่ปัจจุบันระยะเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว กลายเป็น 21 วัน สวนทางกับความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น”
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามหลังจากนี้ โดยเฉพาะสถานการณ์ของตู้ขนส่งสินค้า ตราบใดที่ยังไม่เพียงพอจะทำให้ผู้ผลิตสินค้าต้องจ่ายเงินมากขึ้น รวมถึงการแพร่ระบาดระลอกใหม่จะกระทบต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหลังจากที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่มกระจายได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีประเด็นของราคาน้ำมันซึ่งปรับตัวขึ้นจากปัจจัยบวกต่างๆ ซึ่งทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้น ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา ส่วนความร่วมมือ RCEP อาจจะส่งผลทำให้สินค้าที่กระจายในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นได้
สยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป เปิดเผยว่าแนวโน้มของหุ้นกลุ่มเดินเรือในปี 2564 และไตรมาส 4 ปีนี้ดูดีขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะค่าระวางเรือที่ปรับตัวขึ้น โดยปัจจัยหนุนสำคัญคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งจากการคาดการณ์ของ IMF ที่มองว่าเศรษฐกิจโลกปี 2564 จะขยายตัวได้ 5.2% จากปีนี้ที่ติดลบ 4.4% ทำให้อุปสงค์ต่อความต้องการใช้เรือจะเติบโตดีขึ้นได้กว่า 5% ในขณะที่อุปทานของเรือใหม่จะเพิ่มขึ้นเพียงแค่กว่า 1%
“ในอดีตตัวเลขการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์และอุปทานจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ในปี 2564 คาดการณ์กันว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าอุปทานค่อนข้างมาก สวนทางกับปีนี้ที่อุปทานยังเพิ่มขึ้น แต่อุปสงค์หดตัวลง”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในส่วนของหุ้นภายใต้การวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป คือ PSL และ TTA ซึ่งแนวโน้มธุรกิจยังค่อนข้างดี แต่ราคาหุ้นปัจจุบันอาจจะเกินพื้นฐานที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของหุ้นกลุ่มนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด อย่างครึ่งปีแรกจะเห็นว่าค่าระวางเรือลดลงอย่างมาก ก่อนจะฟื้นกลับขึ้นมาได้เร็วในครึ่งปีหลัง ซึ่งปัจจุบันเราก็กำลังพิจารณาในการปรับประมาณการ PSL ขึ้น ในขณะที่ TTA ได้ปรับขึ้นมาแล้ว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
