×

บรรดาผู้ขนส่งทางเรือ ซึ่งรวมมูลค่าธุรกิจกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เร่งปรับเส้นทางเดินเรือเลี่ยงทะเลแดง

20.12.2023
  • LOADING...
เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง

จากกรณีเหตุการณ์ที่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนก่อเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง ส่งผลให้บรรดาบริษัทขนส่งทางเรือหรือชิปเปอร์ (Shippers) ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือใหม่ที่ไม่ต้องผ่านทะเลแดง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใดๆ จากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น โดยมีรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีเรือบรรทุกสินค้า (Cargo) มูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือเลี่ยงทะเลแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

รายงานระบุว่า เรือบรรทุกสินค้ากำลังเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ อันเป็นผลโดยตรงจากการโจมตี 15 ครั้งในทะเลแดง เส้นทางขนส่งทางน้ำที่สำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลาง นับตั้งแต่ที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเปิดฉากสงคราม

 

ล่าสุด Lloyd Austin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ประกาศจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของปฏิบัติการภารกิจในทะเลแดงซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ยังไม่มีการเปิดเผยความคืบหน้าใดๆ

 

ด้าน Dan Mueller หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางของ Ambrey บริษัทรักษาความปลอดภัยทางทะเล กล่าวว่า บริษัทยังคงแนะนำลูกค้าให้ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติด้านการจัดการที่ดีที่สุดต่อไป โดยการตรวจสอบความเกี่ยวข้องในปัจจุบันและในอดีตของกองเรืออย่างละเอียดถี่ถ้วน การประเมินความเสี่ยงการขนส่งของเรือ การเตรียมลูกเรือสำหรับเหตุฉุกเฉิน และมาตรการความปลอดภัยอื่นๆ

 

ขณะที่ Paolo Montrone รองประธานอาวุโส และหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์การค้าทางทะเลระดับโลกของ Kuehne+Nagel กล่าวว่า จนถึงขณะนี้มีเรือคอนเทนเนอร์ 57 ลำแล่นไปตามเส้นทางยาวทั่วแอฟริกา แทนที่จะตัดผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซเหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจำนวนเรือขนส่งที่หันมาใช้เส้นทางเลี่ยงทะเลแดงมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

 

Antonella Teodoro ที่ปรึกษาอาวุโสของ MDS Transmodal ระบุว่า มูลค่าโดยประมาณของตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้อยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้มีการโอนย้ายสินค้าทั้งหมดถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์

 

บริษัทขนส่งทางทะเลและบริษัทเดินเรือต่างแข่งขันกันเพื่ออธิบายให้ผู้ขนส่งของสหรัฐฯ ทราบถึงความล่าช้าที่พวกเขาอาจเผชิญ อันเป็นผลมาจากภัยคุกคามของกลุ่มฮูตี กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทางกลุ่มฮูตีได้แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับกลุ่มฮามาส กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงแห่งปาเลสไตน์ในการทำสงครามกับอิสราเอล

 

แม้ว่าการปรับเปลี่ยนเส้นทางจะส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มมากขึ้น และดันให้ความต้องการใช้พลังงานอย่างน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น กระนั้นนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการกระจายสินค้าแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทขนส่งทางเรือต่างๆ สามารถเพิ่มจำนวนเรือได้ โดยเป็นผลจากการเติบโตมากกว่า 20% ของบริษัทขนส่งทางเรือในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

 

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงทรงตัว ดังนั้นบริษัทขนส่งทางเรือทั้งหลายจึงยังสามารถคงศักยภาพในการรักษาสายการเดินเรือและรับ-ส่งตู้คอนเทนเนอร์ให้ตรงเวลา แม้จะมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือไปก็ตาม

 

ผู้เชี่ยวชาญออกโรงเตือนว่า ในระยะสั้นอาจไม่มีปัญหา แต่หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่กำลังต้องการความยืดหยุ่นอย่างมาก ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งนอกเหนือจากปัญหาในทะเลแดงแล้ว เส้นทางขนส่งทางน้ำอย่างคลองสุเอซและคลองปานามาก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ท่าเรือในพื้นที่คาดว่าจะเกิดความแออัดอันเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ

 

Vincent Clerc ซีอีโอของ Maersk หนึ่งในผู้ส่งสินค้าที่ตัดสินใจหยุดปฏิบัติการในทะเลแดงชั่วคราว คาดว่าจะเกิดความล่าช้าในการขนส่งราว 2-4 สัปดาห์ ขณะที่ SEKO Logistics ระบุว่า กำลังแจ้งให้ลูกค้าในสหรัฐฯ รอรับสินค้าที่อาจล่าช้าประมาณ 10-14 วันสำหรับสินค้าชายฝั่งตะวันออก โดยอาจเกิดความล่าช้าเพิ่มเติมที่ท่าเรือ หากเรือจำนวนมากมาถึงในเวลาใกล้เคียงกัน

 

ด้าน Paul Brashier รองประธานฝ่ายการเดินเรือและการขนส่งของบริษัท ITS Logistics กำลังแจ้งลูกค้าในสหรัฐฯ ว่าสถานการณ์ในทะเลแดงและคลองสุเอซกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการแก้ไข พร้อมแนะให้ผู้จัดส่งส่งสินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังสหรัฐฯ ที่ใช้คลองสุเอซ เพื่อพิจารณาจองเส้นทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising