ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศกำไร บจ. ปี 2565 หุ้น SET มีกำไรสุทธิ 9.75 แสนล้านบาท ลดลง 1.9% แม้ยอดขายโตดี 32.4% อยู่ที่ 17.68 ล้านล้านบาท แต่ถูกกดดันจากต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวนและอยู่ในระดับสูง
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 798 บริษัท คิดเป็น 98.6% จากทั้งหมด 809 บริษัท ซึ่งรวม SET และ mai และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC นำส่งผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 619 บริษัท คิดเป็น 77.6% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บจ. ใน SET มีกำไรสุทธิที่ 9.75 แสนล้านบาท ลดลง 1.9% ส่วนยอดขายอยู่ที่ 17.68 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.4% ส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) อยู่ที่ 1.83 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% ขณะที่ในปี 2565 บจ. มีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 13.92 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.8%
อย่างไรก็ดี ปี 2565 มีรายการพิเศษค่อนข้างสูง หากไม่รวมรายการดังกล่าวจะทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 5% สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.59 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.53 เท่า เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน
“บจ. ในธุรกิจพลังงาน อาหาร บริการ และอสังหาริมทรัพย์มียอดขายดีขึ้น จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง การเปิดประเทศ และมาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนอง อีกทั้งเศรษฐกิจที่ขยายตัวทำให้ธุรกิจธนาคารขยายตัวได้ดีเช่นกัน ทั้งนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นทำให้อัตราการเติบโตของกำไรชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี หลายธุรกิจที่มีกำไรสุทธิลดลง เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ยางพารา เหล็ก และประกันภัย แม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งคาดว่านโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ บจ. จะยังมีความท้าทายจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการเพิ่มขึ้นของค่าพลังงาน” แมนพงศ์กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ mai ปี 2565 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 2.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% มีกำไรจากการดำเนินงาน 1.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% และมีกำไรสุทธิ 7.41 พันล้านบาท ลดลง 23%
บทความที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นไทย แย่สุดอันดับ 3 ของโลก! ‘ดร.นิเวศน์’ ชี้ 4 สาเหตุสำคัญ ด้าน ‘หมอพงศ์ศักดิ์’ แนะนักลงทุนค้นหา ‘ความสามารถที่ยั่งยืน’ ของตัวเอง
- นักกลยุทธ์ลงทุน ยก ‘หุ้นจีน-อาเซียน’ สินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสุดยามเกิดภาวะ Soft Landing
- ทำความรู้จัก ‘หมี-กระทิง-พิราบ-เหยี่ยว’ และเหล่าสัตว์อื่นๆ มีความหมายอย่างไรในโลกการเงิน
