วันนี้ (23 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา (ส.ว.) คนที่หนึ่ง กล่าวถึงจุดยืนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ทั้ง 13 ฉบับ ที่ประชุมร่วมรัฐสภาจะพิจารณาในวันนี้ว่า ส.ว. ได้ศึกษาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อน ซึ่งการแสดงความเห็นของ ส.ว. ก่อนหน้านี้ ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของแต่ละท่าน โดยเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน) ไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะผู้เสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เข้าหารือและพูดคุยกับสมาชิกวุฒิสภา ในรายละเอียดเรื่องญัตติแก้ไขและธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจากการหารือ ทางพรรคพลังประชารัฐได้ยอมถอยในส่วนของมาตรา 144 และมาตรา 185 โดยไพบูลย์ได้ขอให้ ส.ว. ช่วยลงมติรับหลักการในวาระหนึ่งไปก่อน ในประเด็นใดที่สามารถปรับแก้ได้ตามความเห็นของวุฒิสภาก็จะนำสู่การจะปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการในวาระ 2 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและต้องขอขอบคุณไพบูลย์
“ต้องขอขอบคุณท่าน เมื่อพูดคุยกับ ส.ว. แล้ว ท่านได้พูดว่าให้ ส.ว. ช่วยรับไปแก้ไขในวาระ 2 เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 หากไม่เป็นไปตามที่พูดคุยกันจะยอมให้ ส.ว. ล้มในวาระ 3 ได้ ทำให้ในขณะนี้ ส.ว. ได้คลายความกังวล เพราะมีความชัดเจนว่า ส.ว. จะได้ไม่เป็นแพะรับบาปในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ” พล.อ. สิงห์ศึกกล่าว
สำหรับการลงมติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีนั้นต้องกล่าวว่า มาตรา 272 เป็นมาตราที่มาจากการทำประชามติของประชาชน ดังนั้นการจะแก้ไขต้องกลับไปถามประชาชนก่อนและต้องมาดูว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พล.อ. สิงห์ศึกกล่าวว่า ส.ว. ไม่มีความหนักใจ เพราะได้พิจารณากลั่นกรองร่างรัฐธรรมนูญทุกร่างแล้ว เราเป็นตัวแทนประชาชน มีวุฒิภาวะที่จะตัดสินใจ อะไรที่ถูกที่ดีมีประโยชน์ก็รับได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ส.ว. แต่ละท่าน โดยตนคงไม่สามารถตัดสินใจประเด็นเรื่องการลงมติแทนสมาชิกท่านอื่นได้ แต่เมื่อแก้ไขรายมาตราได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อันนั้นเราเห็นด้วย
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น