วันนี้ (2 พฤศจิกายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งแรก ระบุว่า ได้มีการหารือถึงสถานการณ์การสู้รบในประเทศอิสราเอลแบบเชิงลึก ซึ่งมีหลายประเด็นที่จะต้องมีการระมัดระวังในการพูด เนื่องจากมีความละเอียดอ่อน โดยเฉพาะตัวประกันที่มีความสำคัญมากที่สุด
ทั้งนี้ ได้มีการประเมินว่าสงครามมีแนวโน้มขยายวงกว้างไม่ใช่แค่คู่ขัดแย้งระหว่างสองประเทศ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะขยายไปในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจอร์แดนและเลบานอน และมีถึง 10 ประเทศแล้วที่ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับประชาชนที่อยู่ในสองประเทศดังกล่าวให้มีการพิจารณาอพยพ และในส่วนทางการไทยจะมีการประเมินอีกครั้ง
เศรษฐากล่าวต่อว่า เหตุผลที่มีการขยายพื้นที่สงคราม เนื่องจากมีการทำสงครามด้านไซเบอร์และโดรนเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลมีความเป็นห่วงว่าจะขยายวงกว้างไปสู่ประเทศที่ใกล้เคียงด้วย
ส่วนแรงงานไทยที่อยู่ในประเทศนั้นๆ จะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนในประเทศอิสราเอลตอนนี้มีแรงงานที่แจ้งเจตจำนงจะกลับประเทศไทยใกล้จะครบหมดแล้ว ซึ่งไฟลต์เดินทางวันนี้มีที่ว่างร้อยกว่าที่นั่ง ดังนั้นไม่อยากใช้คำว่าหมดภารกิจทางรัฐบาล แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดคุยต่อเนื่องกับแรงงานที่ประสงค์ว่าจะอยู่ต่อว่าสงครามอาจรุนแรงและขยายวงกว้างออกไปได้ หากอยากเดินทางกลับรัฐบาลก็พร้อมดูแล
ในขณะเดียวก็พบปัญหาว่ามีแรงงานที่ยังไม่ทราบอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงรายงานว่ามีแรงงานจำนวนหนึ่งที่เดินทางไปโดยไม่ถูกกฎหมาย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องที่ใหญ่กว่าคือต้องเสาะหาให้ได้ว่าแรงงานเหล่านี้อยู่ที่ไหน และต้องแจ้งข้อมูลให้ทราบว่าสถานการณ์จะมีความรุนแรง เพื่อให้แรงงานเหล่านี้ตัดสินใจเดินทางกลับมา
เศรษฐากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของแรงงานที่ตัดสินใจไม่เดินทางกลับจะต้องให้ความมั่นใจว่าจะสามารถติดต่อสื่อสารได้โดยตรง เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบถึงเหตุการณ์โดยตรง อย่างน้อยประชาชนที่อยู่ตรงจุดนั้นจะได้ทราบข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน เพื่อที่จะจัดทำรายชื่อแล้วติดต่อทางโทรศัพท์ หรือส่งข้อความไปแจ้งว่าสถานการณ์จะรุนแรงขนาดไหนอย่างไร
ทั้งนี้ ตนเองได้ขอร้องไปยังทุกหน่วยงานให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลให้ดี จะได้ไม่เกิดความสับสน แต่อย่างไรก็ตามก็มีรายงานว่าแนวโน้มการช่วยเหลือตัวประกันเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ต้องรอดูว่าจะมีข่าวดีเมื่อไร เพราะทางไทยเองก็ไม่ทราบว่าฝ่ายต่างๆ จะตัดสินใจอย่างไร
อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หากสงครามขยายตัวจะกระทบกับเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านความมั่นคงและพลังงาน ซึ่งได้พูดคุยกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว เพื่อเตรียมเสนอแผนความมั่นคงด้านพลังงาน
เมื่อถามถึงกรณี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เตรียมเดินทางไปรับตัวประกันคนไทย 22 คนที่กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัว ได้มีการรายงานมายังนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขออนุญาตไม่พูดถึง แต่ทุกคนหวังดีและปรารถนาดี อีกทั้งตนเองได้ย้ำกับทางอิสราเอลว่าทางการไทยพร้อมเต็มที่ในการช่วยเหลือตัวประกัน