×

กมธ.ความมั่นคงฯ ลุยสืบรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำถนนทรุด-โยงสติกเกอร์ส่วยหรือไม่ เตรียมเข้าพบ ผบ.ตร. ถกแก้ปัญหา 13 พ.ย. นี้

โดย THE STANDARD TEAM
09.11.2023
  • LOADING...
รถบรรทุก

วันนี้ (9 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา ปิยรัฐ จงเทพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. เขตพระโขนง-บางนา พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงเหตุการณ์รถบรรทุกตกลงไปบนถนนบริเวณซอยสุขุมวิท 64/1 โดยตั้งข้อสังเกตว่ารถบรรทุกอาจมีน้ำหนักเกินกว่ากำหนด และสติกเกอร์สีเขียว ตัวอักษร B เป็นการรับส่วยหรือไม่ 

 

ปิยรัฐกล่าวว่า ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงยืนยันว่ายังไม่ปรากฏการรับสินบน และให้ข้อมูลว่าตัว B เป็นตัวย่อชื่อเล่นของเจ้าของบริษัทผู้รับเหมารถบรรทุกที่ชื่อว่า ‘บิ๊ก’ และสีเขียวคาดว่าเป็นสีที่เขาชอบ เบื้องต้นพบว่ามีรถบรรทุกประมาณ 4-5 คันเท่านั้นในพื้นที่พระโขนงที่มีสติกเกอร์ดังกล่าว แต่ไม่ทราบว่าในเขตพื้นที่อื่นมีจำนวนเท่าใด

 

ปิยรัฐกล่าวถึงดินที่อยู่บนรถบรรทุกซึ่งเป็นวัตถุหลักฐานที่สำคัญที่จะพิสูจน์ว่ารถบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ว่า เมื่อวาน (8 พฤศจิกายน) ตนพบเจ้าหน้าที่กำลังขนถ่ายดินโดยอ้างว่าเป็นกระบวนการทอยดิน หรือถ่ายดินออกจากที่เกิดเหตุใส่รถบรรทุกที่สำรองไว้เพื่อชั่งน้ำหนักพร้อมกัน และพยายามขับรถไปที่ไซต์งาน ตนได้ติดตามไปที่ไซต์งานก่อสร้างและตะโกนเรียกแล้วแต่ไม่มีใครฟัง โชคดีว่าวิศวกรในไซต์งานรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงยังพอเก็บตัวอย่างดินกลับมาได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่มีการชั่งน้ำหนักดินดังกล่าว 

 

“หลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบจากทุกหน่วยงานว่ามีการใช้ดินจากตัวอย่างหรือไม่ เพราะมีลักษณะเป็นดินเลนที่อุ้มน้ำ ทำให้มีน้ำหนักมากกว่าดินปกติทั่วไป สามารถนำไปคำนวณตามหลักวิศวกรรมและวัดน้ำหนักรถปกติแล้วเป็นเท่าใด ซึ่งตามที่ปรากฏข้อมูลก็พบว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแน่นอน” ปิยรัฐกล่าว

 

สำหรับสาเหตุที่รถบรรทุกเข้ามาในเมืองได้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบนั้น ปิยรัฐกล่าวว่า ไม่อยากปรักปรำเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่มีหลักฐาน แต่เมื่อจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากไซต์ก่อสร้างไม่เกิน 300 เมตร จึงมีการว่าจ้างบริษัทรถบรรทุกมารับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม รถบรรทุกในเมืองจำเป็นต้องมีใบอนุญาตและห้ามวิ่งในเวลาห้ามวิ่ง รวมถึงน้ำหนักต้องไม่เกิน 15 ตัน 

 

ปิยรัฐกล่าวว่า การที่ กทม. อ้างว่าไม่มีตาชั่งสำหรับชั่งน้ำหนักรถบรรทุกจึงเป็นปัญหาและช่องโหว่ให้เกิดการลักลอบขนส่งน้ำหนักเกิน ทำให้ต้องคอยจับตาดูและตรวจสอบว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำขึ้นอีกหรือไม่ เนื่องจากรถบรรทุกมักจะบรรทุกน้ำหนักเกินเป็นเท่าตัวเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ถนนไม่สามารถรองรับได้ ก่อให้เกิดผู้บาดเจ็บซ้ำซ้อน ตราบใดที่มีช่องโหว่และผู้รับเหมาที่ยังเห็นแก่ตัว ปัญหาตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ 

 

เมื่อถามว่า ในกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยหรือไม่ ปิยรัฐกล่าวว่า วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และสมาพันธ์รถบรรทุก ยืนยันว่ามีข้อมูล ตนในฐานะผู้แทนเขตต้องตรวจสอบ แต่ไม่มีข้อมูลเชิงลึกจึงต้องรอวิโรจน์ตอบเรื่องนี้ แต่ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ให้คำตอบที่ไม่ชัดเจน

 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ก็จะเดินทางเข้าไปพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวโดยตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงคณะอนุกรรมการที่ศึกษาเรื่องส่วยทางหลวง จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อหาคำตอบต่อไป 

 

ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ฟันธง สติกเกอร์ตัว B สีเขียว สัญลักษณ์จ่ายส่วย

 

ขณะที่ อภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นผลมาจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน และหน้ารถยังมีสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวมีสัญลักษณ์ตัว B ติดอยู่ ยืนยันว่ารถดังกล่าวเป็นรถที่จ่ายส่วยเพื่อวิ่งนอกเวลา เพราะในกรุงเทพฯ ตรงสี่แยกจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ หากไม่มีสติกเกอร์จะต้องถูกเรียกจอดเพื่อตรวจสอบทุกจุดแน่นอน 

 

ส่วนสติกเกอร์ที่ติดบนรถนั้นไว้สำหรับรถบรรทุกขนดินในไซต์งานก่อสร้างเข้า-ออกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ โดยในไซต์งานก่อสร้างจะไม่มีตาชั่งน้ำหนักสำหรับรถบรรทุก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรน้ำหนักก็เกินกฎหมายกำหนด 

 

อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดคุยกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าสามารถนำรถบรรทุกไปชั่งน้ำหนักได้ก่อนขึ้นทางด่วน เพราะจะมีด่านชั่งน้ำหนัก หากเกินจะไม่สามารถขึ้นทางด่วนได้ สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือสะพานข้ามแม่น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่มีด่านชั่งน้ำหนัก หากเกิดการชำรุดหรือเสียหายขึ้นมาถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

 

“การประกอบอาชีพรถบรรทุก ถ้าทำผิดกฎหมาย ผมขอให้เลิกทำครับ เพราะว่าชีวิตของคนที่ใช้ถนนร่วมกับท่านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จะต้องมาเสียหายหรือเสียชีวิตมันไม่สมควร ฝากไปยังผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงาน เรื่องนี้จะต้องแก้ไขและรีบดำเนินการ เพราะว่าในขณะนี้ตนในฐานะคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องส่วย เรื่องนี้หากมีอะไรก็จะรายงานต่อประธานกรรมาธิการคมนาคม” อภิชาติกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising