×

การเดินทางของ ฌอน ฮิลล์ จากนักกฎหมายในนิวยอร์กสู่ ‘แม่ทัพแห่ง de Bijenkorf’ และบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของทายาทรุ่นที่ 4 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์

26.08.2025
  • LOADING...
sean-hill-de-bijenkorf-ceo

HIGHLIGHTS

  • ฌอน ฮิลล์ ทายาทรุ่นที่ 4 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ ก้าวสู่ตำแหน่งแม่ทัพแห่ง de Bijenkorf ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานของเนเธอร์แลนด์ พร้อมภารกิจสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการต่อยอดมรดกที่สั่งสมมา 155 ปี กับการทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ โดยยึดหลักการเคารพในประวัติศาสตร์ของแบรนด์เป็นหัวใจสำคัญ
  • เบื้องหลังความสำเร็จคือการหลอมรวมสองโลก จาก ‘การคิดแบบนักกฎหมาย’ ที่มอบความได้เปรียบในการเจรจาดีลที่ซับซ้อน สู่ ‘DNA ค้าปลีก’ ที่ซึมซับจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่คุณตา สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ถึงน้าชาย ทศ จิราธิวัฒน์ กลายเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจบนเวทีโลก
  • เผชิญหน้าความท้าทายของตลาดยุโรปด้วยกลยุทธ์เชิงรุก ไม่ใช่การตั้งรับ โดยมุ่งปรับตัวให้ทันความต้องการของผู้บริโภค ทั้งการเติม ‘ความสนุก’ และสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงง่าย พร้อมชู ‘Food Hall’ เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง เพื่อเปลี่ยนห้างสรรพสินค้าให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ลูกค้าต้องมาเยือน
  • ตั้งเป้าหมายใหญ่ ทะยานสู่รายได้ 1 พันล้านยูโร หรือราว 3.8 หมื่นล้านบาทแต่สำหรับ ฌอน ฮิลล์ บทพิสูจน์ที่แท้จริงคือการสร้าง de Bijenkorf ให้เป็น ‘รังผึ้ง’ แห่งความสุขอย่างแท้จริง ที่ซึ่งความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขทางการเงิน แต่คือคุณค่าของ ‘ประสบการณ์’ และ ‘ความทรงจำ’ ที่ดีของลูกค้าและพนักงานทุกคน

 

วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 คือวันแรกอย่างเป็นทางการที่ ฌอน ฮิลล์ (Sean Hill) เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ ห้างสรรพสินค้า ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ห้างหรูระดับตำนานอายุกว่า 155 ปีในเนเธอร์แลนด์ การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร แต่คือหมุดหมายสำคัญที่ทายาทเจเนอเรชั่นที่ 4 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ ได้ก้าวขึ้นมานำทัพธุรกิจค้าปลีกในสมรภูมิยุโรปอย่างเต็มตัว

 

ในฐานะหลานชายคนโตของ คุณตา สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเซ็นทรัล และเป็นบุตรชายของ แพทย์หญิงสุวิมล จิราธิวัฒน์ ฮิลล์ พี่สาวคนโตของ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเซ็นทรัลคนปัจจุบัน เส้นทางของฌอนจึงถูกจับตามองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อภารกิจของเขาคือการนำพาอาณาจักรค้าปลีกของตระกูลให้เติบโต ท่ามกลางความท้าทายรอบด้านของตลาดยุโรปที่เปลี่ยนแปลงไป

 

หลังการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ THE STANDARD WEALTH ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ฌอน ฮิลล์ ผ่าน Video Conference จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อถอดรหัสความคิด เบื้องหลังเส้นทางชีวิตที่ไม่ธรรมดา และวิสัยทัศน์ของเขาต่อก้าวต่อไปของ de Bijenkorf และกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป

 



ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

จากเส้นทางนักกฎหมายสู่บทพิสูจน์บนสมรภูมิค้าปลีกยุโรป

 

ก่อนจะเข้ามาบริหารอาณาจักรค้าปลีกอย่างเต็มตัว เส้นทางแรกในโลกการทำงานของฌอนเริ่มต้นในฐานะนักกฎหมายและนักการเงิน หลังจากสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์จาก Boston College และศึกษาต่อด้านกฎหมายที่ Brooklyn Law School ในสหรัฐอเมริกา 

 

การตัดสินใจเลือกเรียนกฎหมายในเวลานั้นถือเป็นการมองการณ์ไกล เพราะเล็งเห็นว่าตระกูลควรมีนักกฎหมายเพิ่มขึ้น นอกเหนือจาก กอบชัย จิราธิวัฒน์ และท่านอื่นๆ ในตระกูล เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ

 

แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่พลิกเส้นทางอาชีพของฌอนเกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อทศ จิราธิวัฒน์ โทรศัพท์มาชวนให้เขาเข้าร่วมประชุมในดีลประวัติศาสตร์ที่กลุ่มเซ็นทรัลกำลังเจรจาซื้อกิจการห้าง Rinascente ในอิตาลี

 

ฌอน ฮิลล์ CEO ห้าง de Bijenkorf

 

“คุณทศบอกผมว่า ‘ผมอยากสร้างคอลเลกชันของห้างลักชัวรีที่ดีที่สุดในโลก’ ผมจำได้เลยว่าฟังแล้วรู้สึกเหมือนเห็นภาพชัดเจนทันที และถามตัวเองว่า ถ้ายังอยู่สายทนายต่อไป ชีวิตก็คงมั่นคง แต่จะรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำหรือเปล่า แล้วเมื่อมีโอกาสสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ร่วมกับครอบครัว ผมก็ไม่ลังเลเลยครับ”

 

การตัดสินใจครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะชีวิตในเมืองไทยของฌอนกำลังลงตัวและลูกชายเพิ่งอายุได้เพียง 4 เดือน แต่เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างบางอย่างที่สำคัญ ฌอนจึงเลือกที่จะเดินบนเส้นทางใหม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่นำพาฌอนเข้าสู่ใจกลางของธุรกิจค้าปลีกยุโรปอย่างเต็มตัว

 

นับเป็นเวลากว่า 10 กว่าปี ที่ฌอนได้สั่งสมประสบการณ์บนเส้นทางสายนี้ จากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขยายธุรกิจค้าปลีกที่ Rinascente ในอิตาลี สู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของ KaDeWe Group ในเยอรมนี และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มเซ็นทรัล ยุโรป ก่อนจะมารับตำแหน่งสูงสุดที่ de Bijenkorf ในปัจจุบัน

 

การตัดสินใจครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะชีวิตในเมืองไทยของเขากำลังลงตัวและลูกชายเพิ่งอายุได้เพียง 4 เดือน แต่เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างบางอย่างที่สำคัญ ฌอนจึงเลือกที่จะเดินบนเส้นทางใหม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่นำพาฌอนเข้าสู่ใจกลางของธุรกิจค้าปลีกยุโรปอย่างเต็มตัว 

 

จากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขยายธุรกิจค้าปลีกที่ Rinascente ในอิตาลี สู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของ KaDeWe Group ในเยอรมนี และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มเซ็นทรัล ยุโรป ก่อนจะมารับตำแหน่งสูงสุดที่ de Bijenkorf ในปัจจุบัน

 

ฌอน ฮิลล์ CEO ห้าง de Bijenkorf

 

แม้จะข้ามสายงาน แต่พื้นฐาน ‘การคิดแบบนักกฎหมาย’ กลับกลายเป็นความได้เปรียบที่สำคัญที่สุดในการทำงาน ฌอนอธิบายว่าแก่นแท้ของทักษะนี้ไม่ใช่แค่ความรู้เรื่องข้อกฎหมาย แต่คือการฝึกให้คิดอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์อย่างรอบด้าน และรู้จักตั้งคำถามที่ถูกต้องเพื่อไปให้ถึงแก่นของปัญหา ทักษะนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญเบื้องหลังดีลการซื้อกิจการที่ซับซ้อนหลายแห่งของกลุ่มเซ็นทรัล

 

เมื่อถามถึงดีลที่น่าจดจำที่สุด ฌอนไม่ได้เล่าถึงความสำเร็จทางการเงิน แต่กลับย้อนถึงเรื่องราวการปรับโครงสร้างของ KaDeWe Group ในเยอรมนีเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่ง

 

“ดีลนี้มีความหมายกับผมในเชิงส่วนตัวมาก เพราะผมทำงานกับ KaDeWe มานานกว่า 5 ปี ผมรู้จักผู้จัดการแต่ละสาขา และรู้จักพนักงานจำนวนมาก นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่คือเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ‘ผู้คน’ และความผูกพันโดยตรง”

 

“ผมยังจำได้ดีว่า หลังจากดีลนี้เสร็จสิ้น ผมเดินทางไปที่มิวนิก และมีพนักงานเดินเข้ามาจับมือกับผม พร้อมกล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณที่ทุ่มเทจนทำให้ดีลนี้จบลงด้วยดี นั่นเป็นช่วงเวลาที่เต็มด้วยอารมณ์ความรู้สึกอย่างแท้จริง และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมอยากทำให้ดีที่สุด เพื่อพาทุกคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน”

 

ลูกไม้ใต้ต้น ซึมซับ DNA ค้าปลีกจากรุ่นสู่รุ่น

 

การที่ฌอนสามารถปรับตัวเข้ากับโลกธุรกิจค้าปลีกได้อย่างรวดเร็ว อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักเมื่อมองย้อนกลับไปในวัยเด็ก เขาคือลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นอย่างแท้จริง จากการที่ต้องเดินทางจากอเมริกากลับมาอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เพื่อเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทย ทำให้เขาได้มีโอกาสใช้เวลากับคุณตา สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

 

ภาพจำที่ชัดเจนที่สุดที่เขาได้เรียนรู้จากคุณตาไม่ใช่กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ซับซ้อน แต่คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดอย่าง ‘วินัยในการทำงาน’ ที่เขาไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน

 

“ท่านตื่นแต่เช้า ขับรถจากลาดพร้าวไปชิดลม ใช้เวลาขับไปกลับราว 2 ชั่วโมงต่อวัน ทำงานถึง 2-3 ทุ่มทุกวัน และตลอดเวลานั้น ผมได้อยู่กับท่าน เฝ้าสังเกตทั้งวิธีการทำงาน วิธีพูดคุยกับผู้คน ท่านทำงานตลอดเวลาเลยครับ ซึ่งกลายเป็นแบบอย่างอันทรงคุณค่าในชีวิตผมจนถึงทุกวันนี้”

 

สิ่งที่ฌอนซึมซับไม่ได้มีเพียงการทำงานหนัก แต่ยังรวมถึงความเคารพในคนอื่นและการทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สอนกันได้ยาก แต่ต้องเรียนรู้จากการใช้ชีวิตร่วมกัน นอกจากการเรียนรู้จากคุณตาแล้ว ฌอนยังเติบโตท่ามกลางผู้บริหารและนักค้าปลีกมืออาชีพในตระกูลอีกหลายท่าน เช่น ปริญญ์ จิราธิวัฒน์ และ ยุวดี จิราธิวัฒน์ ซึ่งช่วยหล่อหลอมให้เขามี DNA ค้าปลีกที่แข็งแกร่ง

 

ฌอน ฮิลล์ CEO ห้าง de Bijenkorf

 

เมื่อก้าวเข้าสู่โลกการทำงานจริง บทเรียนสำคัญก็ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาถึงผู้บริหารเจเนอเรชันที่ 3 อย่างทศ จิราธิวัฒน์ ผู้เป็นน้าชาย ฌอนเล่าว่าบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้จากทศคือ ‘อย่ากลัวที่จะตั้งคำถามที่ตอบยาก’

 

“ในช่วงที่ผมเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ผมยังไม่กล้าที่จะถามคำถามเหล่านั้นเพราะกลัวคนจะคิดว่าผมไม่เข้าใจ แต่เมื่อผมได้เห็นคุณทศเข้ามาทำงานและไม่ลังเลที่จะถามทุกคำถาม ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ยากแค่ไหน และคุณทศก็สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ผมจึงเริ่มกล้าขึ้น และเรียนรู้ว่าการตั้งคำถามคือกุญแจสำคัญในการหาคำตอบเพื่อนำไปสู่ตัดสินใจที่ถูกต้อง”

 

ภารกิจท้าทายในวันที่ยุโรปไม่เหมือนเดิม

 

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของ de Bijenkorf ของฌอน เกิดขึ้นในจังหวะที่ตลาดยุโรปกำลังเผชิญกับคลื่นความท้าทายรอบด้าน ทั้งภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น และภูมิทัศน์ของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

 

ฌอนเล่าว่า แม้ตลาดจีนจะยังคงมีความสำคัญ แต่การชะลอการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลางเข้ามาแทนที่อย่างมีนัยสำคัญ และคลื่นลูกต่อไปที่น่าจับตามองคืออินเดีย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นกำลังซื้อสำคัญกลุ่มใหม่ของยุโรปในไม่ช้า

 

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ กลยุทธ์ของฌอนไม่ใช่การตั้งรับหรือชะลอตัว แต่คือการปรับตัวเชิงรุกเพื่อหาโอกาสในการเติบโต เขาเริ่มเติม ‘ความสนุก’ และความหลากหลายให้กับห้างด้วยการนำเสนอแบรนด์ใหม่ๆ ที่เข้าถึงง่ายขึ้นอย่าง Jellycat เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นและครอบครัว 

 

ขณะเดียวกันก็มองหา ‘หมวดหมู่สินค้าอื่น’ ที่ยังเติบโตได้ดีสวนกระแส เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามอย่าง K-Beauty และกลุ่มเสื้อผ้าออกกำลังกาย (Activewear) ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในอัมสเตอร์ดัม

 

หัวใจสำคัญอีกอย่างในการทรานส์ฟอร์ม de Bijenkorf คือ ‘อาหาร’ ฌอนได้เรียนรู้จากความสำเร็จของ Food Hall ที่ KaDeWe ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าที่ขึ้นไปใช้บริการจาก 25% เป็นกว่า 50% และสร้างยอดขายเติบโตจาก 50 ล้านยูโรเป็น 80 ล้านยูโร 

 

ฌอนจึงมีแผนที่จะยกเครื่องโซนอาหารของ de Bijenkorf ที่อัมสเตอร์ดัมครั้งใหญ่ เพื่อสร้างให้เป็น ‘ประสบการณ์พิเศษ’ ที่จะดึงดูดให้ลูกค้าใช้เวลาในห้างนานขึ้น

 

“เรื่องอาหารเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้มาจากเอเชียอย่างชัดเจนครับ ถ้าห้างไม่มีโซนอาหาร ลูกค้าจะไม่อยู่ต่อ หรืออาจไม่มาเลยก็ได้ ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็เกิดขึ้นในยุโรปเช่นกัน”

 

ท่ามกลางสมรภูมิค้าปลีกที่การแข่งขันออนไลน์สูง กลุ่มเซ็นทรัลยังคงมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการลงทุนกับห้างสรรพสินค้า Physical Store แต่ในขณะเดียวกัน de Bijenkorf ก็มีอาวุธสำคัญที่แตกต่างจากห้างอื่นในเครือ นั่นคือ ‘ธุรกิจออนไลน์’ ที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนถึง 35% ของทั้งหมด และถูกนับเป็นสาขาที่ 8 ที่มียอดขายติด Top 3 เป็นรองเพียงอัมสเตอร์ดัมและรอตเทอร์ดัมเท่านั้น

 

ฌอน ฮิลล์ CEO ห้าง de Bijenkorf

ภาพ : Dr. Victor Wong / Shutterstock

 

อนาคต Central Group และ de Bijenkorf

 

เมื่อมองไปข้างหน้าถึงภาพรวมของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป ซึ่งปัจจุบันมี 42 สาขาใน 7 ประเทศ ฌอนมองว่ากลยุทธ์หลักในตอนนี้คือการ ‘โฟกัส’ พัฒนาห้างที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งที่สุดก่อน แม้จะไม่ได้ปิดโอกาสการลงทุนใหม่ แต่จะพิจารณาเฉพาะห้างที่มี ‘ทำเล’ และ ‘ขนาด’ ที่เหมาะสมจริงๆ เท่านั้น

 

ฌอนขยายความว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำและพัฒนาให้กับห้างทั้งหมดที่มีอยู่ หากมุ่งไปขยายเพิ่ม ก็อาจไม่สามารถให้ความสำคัญกับห้างเดิมได้อย่างเต็มที่ แม้จะได้รับการติดต่อเสนอขายห้างใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการให้ความใส่ใจอย่างเหมาะสมกับพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่ก่อน

 

ฌอนยอมรับว่าคงไม่สามารถลงทุนระดับหลายร้อยล้านยูโรได้ในทุกปี สิ่งสำคัญจึงต้องกลับมาโฟกัสว่า ‘อะไรจะสร้างผลตอบแทนและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด’ ซึ่งคำตอบก็คือการลงทุนที่ตาม ‘จำนวนคนที่เดินผ่านและเข้ามาในร้าน’ หรือ Foot Traffic ทำให้จุดโฟกัสสำหรับ de Bijenkorf หนีไม่พ้นสองสาขาหลักอย่างอัมสเตอร์ดัมและรอตเตอร์ดัม

 

ฌอนเปรียบเทียบว่าสาขาอัมสเตอร์ดัมมีความคล้ายคลึงกับ Rinascente ที่มิลานอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในแง่ของทำเลที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ ในมิลาน Rinascente ตั้งอยู่หน้ามหาวิหาร Duomo แลนด์มาร์กของเมือง เช่นเดียวกับ de Bijenkorf ที่ตั้งอยู่ ณ จัตุรัสดัม (Dam Square) ติดกับพระราชวัง ซึ่งต่างก็เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

 

สำหรับภารกิจที่ de Bijenkorf เป้าหมายนั้นชัดเจนและท้าทาย ฌอนตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ห้างเติบโตสู่ระดับรายได้ 1,000 ล้านยูโร หรือราว 3.8 หมื่นล้านบาทให้ได้เหมือนที่ Rinascente เคยทำสำเร็จมาแล้ว แต่ลึกไปกว่าตัวเลขทางการเงิน ภาพความสำเร็จสูงสุดที่ฌอนอยากเห็น คือการสร้าง de Bijenkorf ให้เป็นสถานที่แห่งความสุขและความทรงจำ เขามองเห็นความงดงามในชื่อของห้างที่แปลว่า ‘รังผึ้ง’

 

“เปรียบเหมือนสิ่งที่เรากำลังพยายามสร้างสถานที่ที่ผู้คนแวะเวียนเข้ามา มีปฏิสัมพันธ์กับเรา แล้วบินจากไปพร้อมพลังบางอย่าง เหมือนผึ้งที่ไปผสมเกสร และทำให้เกิดดอกไม้บานมากมายในที่อื่นๆ หน้าที่ของเราคือการสร้าง ‘ประสบการณ์’ และ ‘ความทรงจำ’”

 

ภาพจำที่เขาประทับใจที่สุด คือเหตุการณ์ที่ลูกค้านำร้องเพลงคริสต์มาสใน Food Hall ของ KaDeWe จนพนักงานและลูกค้าร่วมร้องตามกันทั้งโซน นั่นคือความสำเร็จที่แท้จริงของคนทำรีเทลในมุมมองของเขา หากวันหนึ่งภาพเหล่านั้นเกิดขึ้นที่ de Bijen-korf ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะหรือรอยยิ้ม นั่นคือวันที่เขาจะรู้สึกว่าภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว

 

ชีวิตและมรดกที่อยากส่งต่อ

 

นอกเหนือจากบทบาทผู้บริหาร ฌอนยังเป็นคุณพ่อของลูกสองคน เขาถ่ายทอดบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่เขาได้รับมา นั่นคือ ‘ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้นเองหากไม่มีความพยายาม’ และต้องลงมือทำ เขาพยายามใช้เวลาทุกนาทีกับครอบครัวให้มีคุณภาพที่สุดเมื่อมีโอกาส

 

“แม้ว่าผมจะมีเวลาอยู่กับลูกๆไม่มาก แต่เมื่ออยู่ด้วยกัน ผมจะพยายามใช้เวลานั้นให้ดีที่สุด ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีทีวี เราจะทำกิจกรรมร่วมกันจริงๆ อย่างสุดสัปดาห์นี้ ผมกับลูกชายจะตื่นแต่ 6 โมงเช้า แล้วไปขี่จักรยานขึ้นเขาด้วยกัน เราสองคนจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง อยู่ด้วยกันโดยไม่มีสิ่งรบกวน นั่นแหละครับคือเวลาคุณภาพที่แท้จริง และผมอยากให้ทุกนาทีที่เราใช้ร่วมกันมีความหมายครับ”

 

เมื่อมองภาพตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้า ฌอนยังคงเห็นตัวเองทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในยุโรป ที่ซึ่งธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลยังเติบโตต่อไปได้อีกมาก เขาไม่ได้มองไกลไปกว่าบทบาทปัจจุบัน แต่ยึดมั่นในหลักการที่เรียนรู้จากองค์กรว่า ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือไม่ หากทำงานได้ไม่ดีก็จะไม่ก้าวหน้า เขาจึงขอทุ่มเท 100% ให้กับ de Bijenkorf ในวันนี้ แล้วอนาคตค่อยว่ากันอีกที

 

เส้นทางของ ‘ฌอน ฮิลล์’ จากเด็กชายที่เดินทางข้ามทวีปมาเรียนรู้วัฒนธรรมกับคุณตา สู่การเป็นนักกฎหมาย และแม่ทัพแห่ง de Bijenkorf คือบทพิสูจน์ล่าสุดของการส่งต่อภารกิจในตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่เดิมพันครั้งนี้ไม่ได้วัดกันแค่ตัวเลขพันล้านยูโร แต่คือความสามารถในการนำ ‘ศาสตร์’ ของนักการเงินและ ‘ศิลป์’ ของนักค้าปลีก มาทำให้ตำนานที่มีอายุนับร้อยปียังคงเติบโตต่อไปได้ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม


ภาพปก : NurPhoto / Contributor / Getty Images


หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร เท่ากับ 37.80 บาท ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2568

FYI

1.ธุรกิจในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันมีใน 7 ประเทศ โดยการลงทุนใน 6 ประเทศ

เป็นการลงทุนส่วนตัวโดยตรงของกลุ่มเซ็นทรัล ไม่เกี่ยวข้องกับ บมจ. เซ็นทรัลรีเทล (CRC) และ บมจ.

เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แต่อย่างใด คือ

 

  1. สหราชอาณาจักร: ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส (Selfridges)
  2. ประเทศเนเธอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf)
  3. ประเทศไอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าบราวน์ โทมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts)
  4. ประเทศเยอรมนี: ห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน, โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เมืองมิวนิก และอัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก
  5. ประเทศเดนมาร์ก: ห้างสรรพสินค้าอิลลุม (Illum)
  6. และประเทศ สวิตเซอร์แลนด์: ห้างสรรพสินค้าโกลบุส (Globus) และ โกลบุสฟู้ดฮอลล์ (Globus Food Hall)

 

2. ส่วนการลงทุนในประเทศอิตาลี แบ่งเป็น

  • บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) เป็นเจ้าของ (100%) ในส่วนของบริษัทที่บริหารห้าง สรรพสินค้ารีนาเซนเตทั้ง 9 สาขา
  • กลุ่มเซ็นทรัล เป็นเจ้าของ (100%) เฉพาะในส่วนบริษัทที่ถือครองและบริหารอาคารและที่ดิน 2 สาขา คือสาขาโรม ทริโทเน่ (Rome Tritone) และสาขาตูริน (Turin)
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising