×

SCGP – ส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน

13.03.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) มีการดำเนินงานในอินโดนีเซียที่ดูดีขึ้น โดยปริมาณการขายแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ 359 ล้านตันใน 4Q66 หรือเพิ่มขึ้น 20%QoQ และราคาขายเฉลี่ย (ASP) บรรจุภัณฑ์กระดาษทำจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนตุลาคม 2566 การตรวจสอบพบว่าการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งยังคงดำเนินต่อไปใน 1Q67 ASP สำหรับบรรจุภัณฑ์กระดาษคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการขายยังคงแข็งแกร่ง 

 

ดังนั้น InnovestX Research จึงประเมินว่าการดำเนินงานในอินโดนีเซีย (Fajar Paper ซึ่ง SCGP ถือหุ้น 55%) จะถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับ EBITDA ในเดือนมกราคม 2567 และต่อเนื่องมาถึง 1Q67 หลังจากบันทึก EBITDA ติดลบในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา 

 

นอกจากนี้ คาดว่าการดำเนินงานในประเทศไทยจะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (โครงการ Easy e-Receipt) และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่จะถูกลดทอนบางส่วนโดยการอ่อนตัวลงตามฤดูกาลในเวียดนามในช่วงวันหยุดเทศกาลเต๊ตเป็นเวลาสองสัปดาห์ ดังนั้นจึงประเมินเบื้องต้นว่ากำไรปกติของ SCGP จะเพิ่มขึ้นสู่ ~1.5 พันล้านบาท ใน 1Q67 เพิ่มขึ้น 13.8%QoQ และ 40.5%YoY

 

โอกาสทำ M&P งบลงทุนปี 2567 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 1.0 หมื่นล้านบาท สำหรับดีลการควบรวมกิจการและร่วมมือกับพันธมิตร (M&P) และ 5 พันล้านบาท สำหรับการซ่อมบำรุง บริษัทมีดีล M&A หลายดีลอยู่ในระหว่างดำเนินการ โดยเน้นการเข้าซื้อกิจการใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ขั้นปลายของอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ ‘T-Model’ 

 

สำหรับการทำธุรกิจแบบบูรณาการในแนวตั้ง สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือการดำเนินงานในประเทศไทยและเวียดนามมีระดับการบูรณาการที่ 45% และ 52% ตามลำดับ ในขณะที่อินโดนีเซียในปัจจุบันมีเพียง 16% เป้าหมายนี้มีไว้เพื่อให้การดำเนินงานในอินโดนีเซียบรรลุเป้าการมี EBITDA Margin ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปัจจุบันในประเทศไทยและเวียดนาม

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCGP ปรับลง 3.97% สู่ระดับ 30.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.37% สู่ระดับ 1,386.59 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

ราคาหุ้น SCGP ปรับตัวลดลง 20% YTD มาเทรดที่ระดับ -2SD ของ PE Mean บ่งชี้ว่าปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังพบว่าปริมาณการขายชอร์ตสำหรับ SCGP ลดลงอย่างมาก เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า จะควบคุมการขายชอร์ตและโปรแกรมเทรดในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะได้ข้อสรุปหลังจากทำประชาพิจารณ์ใน 2Q67 และมีผลบังคับใช้ใน 3Q67 

 

อย่างไรก็ดี InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform แต่ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 ลดลง 10% เนื่องจากใช้สมมติฐานตามหลักความระมัดระวังมากขึ้นว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์จะลดลงสู่ 85% ในปี 2567 จาก 90% ในสมมติฐานก่อนหน้านี้ และปรับสมมติฐานอัตราภาษีที่แท้จริงเพิ่มขึ้นจาก 17.0% สู่ 18.5% เนื่องจากการดำเนินงานในอินโดนีเซียปรับตัวดีขึ้น (อัตราภาษี 22%) และเปลี่ยนมาใช้ระดับ -1SD ของ PE Mean ที่ 25.9 เท่า (จากเดิมที่ใช้ PE Mean) ในการประเมินมูลค่า ซึ่งได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 40 บาทต่อหุ้น (จาก 51 บาท)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้าต่อเนื่อง และความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ต้นทุนถ่านหินเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยังอยู่ระดับสูง (E)

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising