×

เอสซีจี เดคคอร์ เคาะราคา IPO สุดท้ายที่ 11.50 บาท เปิดขายนักลงทุนสถาบัน-รายย่อยวันที่ 8 ธ.ค. และ 12-13 ธ.ค. นี้

06.12.2023
  • LOADING...
เอสซีจี เดคคอร์

บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ หรือ SCGD เคาะราคาขายสุดท้าย IPO หุ้นละ 11.50 บาท เป็นช่วงราคาบนสุดของช่วงราคา IPO ที่ 11.20-11.50 บาท หลังสำรวจดีมานด์นักลงทุนสถาบัน คาดเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนธันวาคมนี้ 

 

นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ หรือ SCGD เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายตัวของเมืองและการเพิ่มขึ้นของรายได้ชนชั้นกลาง คาดว่ามูลค่าตลาดรวมวัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ในปี 2565-2569 จะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1.80 แสนล้านบาท เป็น 2.50 แสนล้านบาท โดยความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องการสินค้าระดับพรีเมียม สินค้าที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกลุ่ม Smart Products มากยิ่งขึ้น จะเป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายตลาดในภูมิภาคนี้ 

 

ปัจจุบันบริษัทถือเป็นผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีโรงงานผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย กำลังการผลิตรวม 187.2 ล้านตารางเมตรต่อปี ติดท็อป 5 ของโลก มีโรงงานผลิตสุขภัณฑ์ในประเทศไทย กำลังการผลิต 2.3 ล้านชิ้นต่อปี และโรงงานผลิตก๊อกน้ำในประเทศไทย กำลังการผลิต 1.7 ล้านชิ้นต่อปี และมีส่วนแบ่งการตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิวเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมถึงส่วนแบ่งตลาดสุขภัณฑ์เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย 

 

“บริษัทวางแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก โดยเห็นโอกาสขยายตลาดสุขภัณฑ์จากประเทศไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน โดยหนึ่งในตัวอย่างที่ดีคือการที่ปัจจุบันบริษัทฯ ทำการขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายสุขภัณฑ์ในเวียดนาม โดยต่อยอดจากร้านผู้แทนจำหน่ายกระเบื้อง และจะใช้ ‘COTTO’ เป็นแบรนด์เรือธงเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ขณะเดียวกันจะขยายตลาดผลิตภัณฑ์กระเบื้องไวนิล SPC วัสดุตกแต่งพื้นผิวทางเลือกใหม่ในตลาดอาเซียน ล่าสุดได้เดินหน้าแผนลงทุนติดตั้งสายการผลิตใหม่ที่โรงงานหินกอง สระบุรี กำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี 

 

“รวมถึงเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆ เช่น เตรียมลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตกระเบื้องพอร์ซเลนรวม 6.6 ล้านตารางเมตรต่อปี ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศเวียดนาม และอยู่ระหว่างศึกษาแผนลงทุนโรงงานกระเบื้องในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศเวียดนาม โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาได้เริ่มเดินเครื่องจักรสายการผลิตใหม่กระเบื้องเซมิ-เกลซ พอร์ซเลน และกระเบื้องขนาดใหญ่อีก 1.38 ล้านตารางเมตรต่อปี ที่โรงงาน Dai Loc ในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นสินค้าระดับกลางถึงพรีเมียมที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี” นำพลกล่าว  

 

ด้าน พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ความคืบหน้าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) หลังจากสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบัน ถือว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างดี และมีผู้แสดงความต้องการจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ จึงกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย IPO ที่ 11.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายสุดท้าย และจะเปิดให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 8 ธันวาคม และ 12-13 ธันวาคม 2566 ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย IPO การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงการเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ COTTO เพื่อแลกหุ้นและเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป มีจำนวนไม่เกิน 439.10 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 26.61% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและศักยภาพการขยายธุรกิจ

 

โดย SCGD จะนำไปขยายธุรกิจทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ชำระเงินกู้ การควบรวมกิจการในอนาคต เป็นเงินทุนหมุนเวียนและปรับโครงสร้างเงินทุน ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างและเสนอขาย IPO เป็นที่เรียบร้อย SCGD จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผลให้ผู้ถือหุ้น COTTO ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์กลายเป็นผู้ถือหุ้นของ SCGD

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising