เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ลดลง 64%YoY และ 75%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3 พันล้านบาท อยู่ 20% โดยเกิดจากกำไรที่ลดลงในทุกธุรกิจ ดังนี้
ธุรกิจเคมิคอลส์ มีขาดทุนปกติ 339 ล้านบาท (เทียบกับกำไรปกติ 5.2 พันล้านบาท ใน 3Q64 และ 2.7 พันล้านบาท ใน 2Q65) เพราะได้รับผลกระทบจากขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือจำนวน 1.1 พันล้านบาท โดยส่วนต่างราคา PE และ PP-แนฟทา ที่ลดลง และปริมาณการขายผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่ลดลง (ลดลง 16%YoY เพราะบริษัทลดอัตราการใช้กำลังการผลิตลง เทียบกับการลดอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมที่ลดลง 15-30%YoY)
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) มีกำไรปกติ 550 ล้านบาท ลดลง 56%YoY และ 67%QoQ เพราะถูกฉุดรั้งโดยต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่ายอดขาย (ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเติบโต 6%YoY และราคาเพิ่มขึ้น 14%YoY)
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีกำไรปกติ 1.7 พันล้านบาท ลดลง 2%YoY และ 17%QoQ โดยเกิดจากปริมาณการขายที่ลดลง
กระทบอย่างไร:
ราคาหุ้น SCC ปรับลดลง 0.92%DoD อยู่ที่ระดับ 323.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.37%DoD สู่ระดับ 1,602.33 จุด (ณ 27 ตุลาคม)
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
ประเด็นสำคัญจากการประชุมกับบริษัท พบว่า SCC วางแผนจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน โดยปรับงบลงทุนปี 2565 ใหม่เป็น 5.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 7.0 หมื่นล้านบาท) โดยจะเลื่อนโครงการลงทุนที่ยังไม่มีความจำเป็นและไม่เร่งด่วนในทุกธุรกิจออกไป
ธุรกิจเคมิคอลส์ ใน 4Q65TD ส่วนต่างราคา PE/PP-แนฟทา อยู่ที่ 397 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ลดลง 22%YoY แต่ทรงตัว QoQ) และ 358 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ลดลง 36%YoY แต่ทรงตัว QoQ) SCC คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์จะทรงตัวจากระดับนี้
ในขณะที่คาดว่าอุปสงค์ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์จะยังคงไม่มีความแน่นอน โดยขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกและนโยบายล็อกดาวน์ของจีน แต่การปรับอุปทานของอุตสาหกรรมด้วยการลดการผลิตที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน จะช่วยป้องกัน Downside จากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ SCC ประกาศหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ROC Cracker เป็นเวลา 45 วัน ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2565
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) (SCGC) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะพิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกต่างๆ (เช่น ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ภาวะวิกฤตพลังงานและเงินเฟ้อ การล็อกดาวน์ของประเทศจีนจากโควิด) ตลอดจนภาวะตลาดเงินและตลาดทุน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
สำหรับโครงการ LSP คอมเพล็กซ์ ในเวียดนาม (ก่อสร้างแล้วเสร็จ 97%) บริษัทวางแผนเริ่มการผลิต PP ใน 4Q65, LLDPE ใน 1Q66 และ HDPE และผลิตภัณฑ์ต้นน้ำในช่วงปลาย 2Q66 ธุรกิจ CBM SCC คาดว่าความต้องการปูนซีเมนต์จะปรับตัวดีขึ้นใน 4Q65 โดยได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ดีขึ้น อันเป็นผลมาจากการท่องเที่ยวในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น
บริษัทจะดำเนินการปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วยการปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รวมถึงใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรับมือกับต้นทุนเชื้อเพลิงระดับสูง
เมื่ออ้างจากผลประกอบการ 3Q65 InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรของ SCC ลดลง 30% ในปี 2565 และ 25% ในปี 2566 และคาดว่ากำไร 4Q65 จะลดลง YoY เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานสูงและส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอ แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้เงินปันผลตามฤดูกาลและธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น
ส่วนการประกาศรวมกิจการระหว่าง SCGL กับ JWD โดยตั้งเป้าแล้วเสร็จใน 4Q66 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบที่เป็นกลางต่อกำไรของ SCC ในระยะสั้น และจะสนับสนุนให้กำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร