เกิดอะไรขึ้น:
วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปี 2564 (ไม่รวมบริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสิน) ไว้ที่ 20% (ถ้าไม่รวมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์จำนวน 7.4 พันล้านบาท จะเติบโต 2% และถ้ารวมสินเชื่อของบริษัทร่วมทุนเข้ามาจะเติบโต 55%)
โดย SAWAD ได้ขยายธุรกิจไปสู่ 2 ธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย
- สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ โดยตั้งเป้ายอดสินเชื่อ 5 พันล้านบาท ในปี 2564 (จาก 2.6 พันล้านบาท ณ 1Q61)
- สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยตั้งเป้ายอดสินเชื่อที่ 2.5 พันล้านบาท ในปี 2564
สำหรับบริษัทร่วมทุนของ SAWAD กับธนาคารออมสิน ยังคงตั้งเป้าขยายสินเชื่อสู่ 2.0 หมื่นล้านบาทในปี 2564 จาก 7.4 พันล้านบาท ที่ได้รับโอนมาจาก SAWAD โดยบริษัทร่วมทุนได้เปิดตัวสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ด้วยอัตราดอกเบี้ยโปรโมชัน 14.99% (ซึ่งต่ำสุดในตลาด) และโปรโมชันนี้จะมีจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2564
โดย SAWAD เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยโปรโมชันดังกล่าวจะช่วยหนุนต่อการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ได้ราว 5 พันล้านบาท นอกจากนี้ใน 2Q64 บริษัทร่วมทุนวางแผนเปิดตัวบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และตั้งเป้าไปที่กลุ่มความเสี่ยงต่ำที่มีหลักฐานยืนยันรายได้
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น SAWAD ปรับตัวขึ้น 2.1%WoW สู่ระดับ 73.00 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.2%WoW สู่ระดับ 1,552.44 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
สำหรับแนวโน้มกำไร 2Q64 ของ SAWAD ทาง SCBS คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากสาขาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจะมีการรับรู้ผลประกอบการของบริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสิน แต่อย่างไรก็ดี SAWAD ยังมีปัจจัยเสี่ยงกดดันที่ต้องติดตามจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่ายอดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของ SAWAD จะเติบโตเร่งตัวขึ้นในปี 2564 เนื่องจากมีการรับรู้ผลจากการร่วมทุนกับธนาคารออมสิน และคาดว่าจะเห็นค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น และ NIM ลดลงในปี 2564-2565 ขณะที่ Credit Cost มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนการจัดชั้นสินเชื่อ และการมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อไม่มีหลักประกันเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในระยะยาว SAWAD ยังมีความเสี่ยงการจากแย่งลูกค้ากันเองระหว่างบริษัทร่วมทุนและ SAWAD รวมถึงยังมีความเสี่ยงจากการที่ธนาคารแห่งประเทศเข้ามากำกับดูแลสินเชื่อโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป