กษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย มีพระราชประสงค์ตรากฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงชาวซาอุฯ สามารถสอบใบขับขี่และขับรถในพื้นที่สาธารณะได้แล้ว ตามตัวบทกฎหมายฉบับใหม่นี้ยังรวมถึง ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผู้ปกครอง หรือให้ผู้ปกครองนั่งติดตามไปด้วยเมื่อเธอมีเหตุต้องขับรถเอง โดยทางรัฐบาลจะเร่งศึกษาวิธีนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติภายใน 30 วัน
นับเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของซาอุดีอาระเบีย ประเทศสุดท้ายในโลกที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้อย่างถูกกฎหมาย รวมถึงเคร่งครัดในหลักศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องความความเท่าเทียมกันทางเพศ และข้อจำกัดของผู้หญิงในพื้นที่สาธารณะ
การต่อสู้ของผู้หญิงในสังคมซาอุดีอาระเบียที่เรียกร้องสิทธิในการขับรถยนต์มีขึ้นมากกว่า 10 ปีมาแล้ว และบานปลายที่สุดในช่วงปี 2013 เมื่อผู้หญิงจำนวนมากต่างพากันออกมาขับรถบนท้องถนนในซาอุดีอาระเบีย ก่อนที่ผู้หญิงเหล่านั้นจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่จับกุมได้ในที่สุด
บรรดาผู้หญิงที่ถูกจับกุมในเหตุประท้วงครั้งนั้น หนึ่งในนั้นคือ มานาล อัลชารีฟ ที่ได้กลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่ต่อสู้และเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มาโดยตลอด ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวหลังจากที่ทางการซาอุฯ อนุญาตให้ผู้หญิงสามารถขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วว่า “วันนี้ประเทศสุดท้ายบนโลกอนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้ พวกเราทำได้แล้ว”
ทางด้านโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ที่เพิ่งจะได้รับการเเต่งตั้งเมื่อไม่นานมานี้มองว่า การอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถขับรถได้เป็นแนวทางที่จะทำให้ผู้หญิงในประเทศนี้เข้าไปมีส่วนร่วมในภาคการทำงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ นอกจากนี้ยังเป็นการค่อยๆ ทลายกำแพงข้อจำกัดและความไม่เท่าเทียมกันทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคมนี้อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ทางราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียก็ยังแสดงความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หากเร่งให้มีการปฏิรูปเปลี่ยนเเปลงอย่างรวดเร็วมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มอนุรักษนิยมและกลุ่มศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นแก่นแกนสำคัญของซาอุดีอาระเบียเลยทีเดียว
การอนุญาตให้ผู้หญิงขับรถในพื้นที่สาธารณะได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการซาอุดีอาระเบียอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถเดินทางเข้าไปยังสนามกีฬาแห่งชาติได้เป็นครั้งแรก เพื่อเข้าร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 87 ปีการก่อตั้งประเทศอีกด้วย นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของช่วงเวลาในการเปลี่ยนแปลงจากสังคมที่เคร่งครัดไปสู่สังคมที่มีความเท่าเทียมทางเพศเพิ่มมากขึ้น
อ้างอิง:
