×

‘เสถียร เศรษฐสิทธิ์’ แห่งคาราบาวแดง จับมือ ‘แอ๊ด คาราบาว’ ควักเงินส่วนตัวหลัก ‘หมื่นล้าน’ ลงทุนปั้นร้านโชห่วย ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ตั้งเป้า 3 ปีต้องมี 50,000 ร้านค้า

15.07.2021
  • LOADING...
เสถียร เศรษฐสิทธิ์

ถึง ‘เสถียร เศรษฐสิทธิ์’ จะมีธุรกิจหลักอยู่ใน ‘บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)’ ซึ่งมีสินค้าอยู่หลากหลาย ทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ตลอดจนกาแฟ ที่ทำรายได้หลักหมื่นล้านบาท และกำไรหลักพันล้านบาทอยู่แล้ว แต่ตัวเสถียรก็สนใจใน ‘ธุรกิจค้าปลีก’ เพราะนี่ถือเป็นปลายน้ำที่จะนำสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค

 

เมื่อ 2 ปีก่อนเสถียรจึงได้จับมือกับกลุ่มผู้ถือหุ้นในคาราบาวกรุ๊ปทั้ง ‘แอ๊ด คาราบาว’  หรือ ยืนยง โอภากุล และ ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ ควักเงินส่วนตัวโดยไม่เกี่ยวกับคาราบาวกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทมหาชน ในการตั้ง บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด สำหรับพัฒนาร้านโชห่วยภายใต้ชื่อ ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’

 

เบื้องต้นนั้นทางร้านได้เข้าไปร่วมมือกับเจ้าของร้านโชห่วยต่างๆ เข้าไปช่วยพัฒนาทั้งด้านสินค้า อุปกรณ์ ความรู้ และเทคโนโลยี ให้ร้านค้ามีระบบการบริหารจัดการที่ดี หน้าร้านที่สวยงาม ทันสมัย พร้อมร่วมกับคู่ค้าต่างๆ จัดรายการส่งเสริมการขายและสื่อโฆษณา ณ จุดขาย

 

โดยจากการลงพื้นที่และทดลองโมเดลดังกล่าวมากว่า 2 ปี เริ่มจากจังหวัดนครปฐม ขอนแก่น อุดรธานี ขยายไปยังภาคเหนือ และภาคกลาง พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี สามารถเพิ่มรายได้ให้กับโชห่วย จากเดิมที่ขายสินค้าได้ 3,000-5,000 บาทต่อวัน เพิ่มเป็นมากกว่า ‘หมื่นบาท’ ต่อวัน ยิ่งช่วงที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ เฉลี่ยแล้วมีรายได้ประมาณ 17,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว 

 

“ข้อได้เปรียบสำคัญของร้านถูกดี มีมาตรฐาน คือ ความเป็นเจ้าของร้านในพื้นที่ ทำให้สามารถเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีความแตกต่างจากร้านค้าปลีกอื่นๆ คือการมีการนำสินค้าท้องถิ่นชื่อดัง หรือสินค้าที่มีจุดเด่นน่าสนใจในแต่ละพื้นที่นำเข้ามาจำหน่ายในร้านเพื่อเพิ่มจุดขายและสร้างความแตกต่างจากร้านค้าปลีกอื่นๆ”

 

ปัจจุบันมีจำนวนร้านค้ากว่า 1,000 ร้านค้า โดยได้วางเป้าหมายขยายเป็น 8,000 ร้านค้า ในปี 2564 และเพิ่มเป็น 30,000 ร้านค้า ในปี 2565 ส่วนในปี 2566 จะมีกว่า 50,000 ร้านค้า โดยวางเป้าหมายเป็นร้านสะดวกซื้อที่สามารถเข้าถึงชุมชนที่ลึกที่สุดในระดับหมู่บ้าน โดยมียุทธศาสตร์หลักเป็นการเจาะลึกเข้าไปในระดับหมู่บ้าน ในชุมชนเล็กๆ ที่มีร้านค้าปลีกตั้งอยู่

 

ร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ มีการลงทุนเฉลี่ย 1 ล้านบาท ในพื้นที่ราว 50 ตารางเมตรสำหรับค่าระบบต่างๆ ซึ่งส่วนนี้บริษัทจะเป็นผู้ลงทุน ส่วนเจ้าของร้านต้องลงทุนปรับปรุงร้านค้าเอง นอกจากนี้เจ้าของร้านจะต้องวางเงินมัดจำ 200,000 แสนบาท หากปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทเงินส่วนนี้จะคืนให้ทีหลัง 

 

และเพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนร้านค้าในอนาคต เสถียรเตรียมใช้เงินกว่า 45,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนสร้างคลังสินค้าจำนวน 15 แห่ง เบื้องต้นสิ้นปีนี้จะเปิดก่อนจำนวน 8 แห่ง นอกจากนี้ยังจะมีสำนักงานดูแลลูกค้าอีก 62 แห่งด้วยกัน 

 

เสถียรยอมรับว่าปีนี้บริษัทจะขาดทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาทด้วยกัน เนื่องจากกำไร 85% ของยอดขายในร้านจะเป็นของร้านค้า ส่วนบริษัทจะได้ส่วนแบ่งเพียง 15% เท่านั้น ซึ่งการที่จะเริ่มทำกำไรได้นั้นตัวร้านถูกดี มีมาตรฐาน จะต้องขยายให้ได้อย่างน้อย 20,000 ร้านค้าขึ้นไป 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising