×

แสนสิริ ‘Dynamic Growth’ ปี 2568 เหนือทุกวิกฤต! ผนึกพันธมิตรลุยโปรเจกต์ยักษ์ ย้ำเบอร์หนึ่งอสังหาไทย! [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
07.02.2025
  • LOADING...
sansiri-dynamic-growth

HIGHLIGHTS

  • แสนสิริประกาศแผนธุรกิจ ‘Dynamic Growth’ ในปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 53,000 ล้านบาท ยอดโอน 46,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นขยายพอร์ตโครงการระดับพรีเมียม-กลาง ในทำเลศักยภาพสูงที่มีดีมานด์จริง
  • สร้างผลงานโดดเด่นในปี 2567 ท่ามกลางเศรษฐกิจท้าทายด้วยยอดขาย 50,000 ล้านบาท ยอดโอน 43,700 ล้านบาท และปิดการขาย 25 โครงการ มูลค่า 24,000 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดที่เติบโต 120% ด้วยยอดขาย 10,000 ล้านบาท นำโดยจังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่
  • เตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 31,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท ไฮไลต์สำคัญคือ นาราสิริ บางนา กม.10 ราคา 60-150 ล้านบาท, DEMI พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ราคา 27.9 ล้านบาท และ PTY Residence Sai 1 ติดหาดพัทยา มูลค่า 3,000 ล้านบาท
  • ขับเคลื่อนแผน Dynamic Growth ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ ขยายพอร์ตลักชัวรี, เร่งเปิดคอนโดในกรุงเทพฯ, รุก Strategic Location, จับมือพันธมิตร (มิตซุย ฟุโดซัง, บีทีเอส กรุ๊ป, โตคิว คอร์ปอเรชั่น และเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล) และ Mission สำคัญมุ่งสู่ Net Zero พร้อมโชว์บ้าน Sustainable Home Prototype 1 เร็วๆ นี้

ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ชื่อของ ‘แสนสิริ’ ถือเป็นเบอร์หนึ่งที่ได้รับการยอมรับมายาวนานกว่า 40 ปี ด้วยผลงานที่โดดเด่นและการเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร แสนสิริก็ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์โครงการคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าแสนสิริคือ ‘ผู้นำตัวจริง’ ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา

 

และในปี 2568 แสนสิริพร้อมแล้วที่จะประกาศศักดาความเป็นผู้นำอีกครั้งด้วยแผนธุรกิจ ‘Dynamic Growth’ ที่จะมาเขย่าวงการอสังหาไทยให้กลับมาคึกคัก เติบโตอย่างทรงพลังและแข็งแกร่งกว่าที่เคย โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายพอร์ตโครงการระดับพรีเมียม-กลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและยังมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งอีกด้วย

 

เตรียมพบกับการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 29 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 52,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแสนสิริในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัยและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ

 

แสนสิริประกาศแผนธุรกิจ ‘Dynamic Growth’

 

2567: ปีแห่งความสำเร็จ ท่ามกลางความท้าทาย

 

แม้ปี 2567 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เศรษฐกิจฟื้นตัวแบบเปราะบาง แต่แสนสิริก็สามารถฝ่าคลื่นวิกฤตมาได้อย่างสง่างามด้วยยอดขายทะลุ 50,000 ล้านบาท และยอดโอนสูงถึง 43,700 ล้านบาท! 

 

ปิดการขาย (Sold Out) ไปถึง 25 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท ซึ่งนี่คือบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแสนสิริที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยเฉพาะการรุกตลาดต่างจังหวัดด้วยกลยุทธ์ ‘Strategic Location’ ที่เน้นจังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่เป็นหัวหอกสำคัญ ส่งผลให้ยอดขายในต่างจังหวัดพุ่งสูงถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 120% โดยเฉพาะภูเก็ตที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และแสนสิริยังได้เปิดตัว ‘The Society’ Social Space แห่งแรกในภูเก็ตใจกลางย่านบางเทา-เชิงทะเล ซึ่งเป็นโลเคชันดาวรุ่งที่กำลังมาแรงสุดๆ ในขณะนี้

 

2568: ‘Dynamic Growth’ หมากเกมใหม่ บุกตลาดพรีเมียม-กลาง

 

ในปี 2568 แสนสิริประกาศแผนธุรกิจ ‘Dynamic Growth’ ตั้งเป้ายอดขาย 53,000 ล้านบาท ยอดโอน 46,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 29 โครงการ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท!

 

ไฮไลต์สำคัญคือการ ‘ปรับพอร์ต’ เน้นโครงการระดับพรีเมียม-กลางมากขึ้น เพราะเล็งเห็นถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งในกลุ่มนี้ แต่แสนสิริไม่ได้เลือกทำเลแบบสะเปะสะปะ แต่จะเลือกทำเลศักยภาพสูงที่มีดีมานด์จริง ไม่ใช่ทำเลที่โอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งพิสูจน์ได้จากความสำเร็จของโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ 

 

อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

 

“การขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มพรีเมียม-กลางครั้งนี้ เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมเหมือนเช่นเคย” อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว

 

ไม่ใช่แค่การ ‘เพิ่มจำนวนโครงการ’ แต่แสนสิริเน้น ‘คุณภาพ’ และ ‘ความระมัดระวัง’ ในการลงทุน เพื่อรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด นี่คือ DNA ของแสนสิริที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่ง “เราเชื่อว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนต้องมาพร้อมกับความรอบคอบ” อุทัยกล่าวย้ำ

 

ประสบการณ์ 40 ปี ตอกย้ำความมั่นใจในตลาดพรีเมียม

 

หลายคนอาจสงสัยว่าแสนสิริจะลุยตลาดพรีเมียมได้จริงหรือ? คำตอบคือ ‘ได้แน่นอน!’ เพราะแสนสิริไม่ใช่หน้าใหม่ในตลาดนี้ แต่สั่งสมประสบการณ์มากว่า 40 ปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท และพัฒนาโครงการระดับพรีเมียมมาอย่างต่อเนื่อง จนมีโครงการระดับไอคอนิกอย่าง ‘98 Wireless’ ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม

 

ไม่ใช่แค่เรื่องการก่อสร้างเท่านั้น แต่แสนสิริยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์และบริการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับแสนสิริมาอย่างยาวนาน นี่คือ ‘ความไว้วางใจ’ ที่ลูกค้ามอบให้แสนสิริ 

 

“เราสร้างบ้าน เราไม่ได้สร้างแค่ที่อยู่อาศัย แต่เราสร้างประสบการณ์การใช้ ‘ชีวิต’ ให้กับลูกค้า และเราดูแลลูกค้าของเราเหมือนคนในครอบครัว” อุทัยกล่าวเสริม ซึ่งเป็นการการันตีความใส่ใจในทุกรายละเอียดของแสนสิริ

 

เจาะลึกแผน ‘Dynamic Growth’ โครงการใหม่สุดปัง!

 

เริ่มต้นด้วย ‘บ้านเดี่ยว’ ที่จะเปิดตัว 14 โครงการ มูลค่า 31,600 ล้านบาท ไฮไลต์คือ แบรนด์ ‘นาราสิริ’ 3 โครงการใหม่ ครอบคลุมทุกมุมเมือง เช่น ‘นาราสิริ บางนา กม.10’ ราคาเริ่ม 60-150 ล้านบาท ในลักชัวรีคอมมูนิตี้ใหม่ ‘SANSIRI 10 EAST’

 

และ ‘DEMI’ Luxury Residence แนวคิดใหม่ที่จะเปิดตัว ‘DEMI พระราม 9 – เหม่งจ๋าย’ ราคาเริ่ม 27.9 ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จจาก ‘DEMI สาธุ 49’

 

รวมถึงการกลับมาของ ‘บุราสิริ จตุโชติ’ ราคา 13.5-25 ล้านบาทในจตุโชติ คอมมูนิตี้ขนาดกว่า 184 ไร่ รวมถึง ‘เศรษฐสิริ เกาะแก้ว (ภูเก็ต)’ ราคา 12-20 ล้านบาท

 

ต่อมาคือ ‘คอนโดมิเนียม’ วางแผนเปิดตัว 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท เน้นทำเลในเมือง และ ‘Strategic Location’ ประเดิมด้วย ‘พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1’ (PTY Residence Sai 1) ติดหาดพัทยา สาย 1 มูลค่า 3,000 ล้านบาท ราคาเริ่ม 6.99 ล้านบาท 

 

คอมโดริมทะเล

 

ยังมีคอนโดมิเนียมในทำเล ‘นางลิ้นจี่’ Hidden Gem กลางเมือง มูลค่า 3,100 ล้านบาท รวมถึง ‘เวีย สุขุมวิท 34’ มูลค่า 1,300 ล้านบาท และ ‘HAUS’ โครงการล่าสุดใน T77 มูลค่า 2,800 ล้านบาท

 

5 กลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อน ‘Dynamic Growth’ สู่ความสำเร็จ

 

แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยและกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่แสนสิริมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของตลาดบ้านมือสอง การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง 

 

ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ

 

“เราเชื่อมั่นในแผนการเติบโตแบบ Dynamic Growth เพราะที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ” ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ กล่าว พร้อมเผยถึง 5 คีย์ไดร์เวอร์สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ดังนี้

 

1. ขยายพอร์ตลักชัวรีและพรีเมียม: มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพสูง เช่น บางนา บรมราชชนนี และสะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีดีมานด์ต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวตามสภาพตลาด โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ เช่น นาราสิริ บางนา กม.10, นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา และเดมี พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ที่ต่อยอดความสำเร็จหลัง Sold Out บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ในวันแรกที่เปิดจอง

2. เร่งเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ: เพิ่ม Backlog สนับสนุนการสร้างรายได้ระยะยาว โดยปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมในเมืองที่สร้างเสร็จพร้อมโอนเหลือเพียง XT พญาไท และเนีย บาย แสนสิริ ซึ่งคาดว่าจะขายหมดในปีนี้ จึงเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอ เช่น เดอะ เบส รัชดา 19, เดอะ เบส เออร์เบิร์น พระราม 9, เวีย สุขุมวิท 34 และคอนโดมิเนียมใหม่ในทำเลนางลิ้นจี่

3. รุก Strategic Location: ขยายการพัฒนาโครงการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างจังหวัดภูเก็ต พัทยา และขอนแก่น โดยเฉพาะภูเก็ตที่วางแผนกลยุทธ์ 5 ปี (ปี 2568-2572) เตรียมเปิดตัว 27 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยในปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่ เช่น เดอะ เบส เชิงทะเล และเศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต

4. จับมือพันธมิตร: ขยายโอกาสการลงทุนผ่านการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจ โดยปีนี้มีโครงการ Joint Venture ใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 19,500 ล้านบาท ล่าสุดร่วมมือกับบริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในโครงการบุราสิริ จตุโชติ และนาราสิริ บางนา กม.10 หนึ่งในแบรนด์สำคัญใน Sansiri 10 East ลักชัวรีคอมมูนิตี้กว่า 165 ไร่ โดยมิตซุย ฟุโดซัง ถือเป็นพันธมิตรรายล่าสุดที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งต่อจากพันธมิตรเดิมอย่างบีทีเอส กรุ๊ป, โตคิว คอร์ปอเรชั่น และเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล

 

 

5. มุ่งสู่ Net Zero: พัฒนา Green Living Design ในโปรดักต์ใหม่ (เซ็กเมนต์ลักชัวรีและพรีเมียม) ตั้งเป้าลดการใช้พลังงานสูงสุด 50% จากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 40% พร้อมผลักดันการทำงานร่วมกันใน Ecosystem โดยตั้งเป้าการทำ R&D กับ 3 ราย ร่วมพัฒนากรีนโปรดักต์ และเตรียมเปิดตัว Sustainable Home Prototype เร็วๆ นี้

 

แสนสิริกับการเดินหน้าสู่ความยั่งยืน

 

ไม่เพียงแค่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมเท่านั้น แต่แสนสิริยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานในทุกขั้นตอน 

 

“เราไม่เพียงแค่มุ่งเน้นการสร้างกำไร แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม” อุทัยกล่าวเสริม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน

 

นอกจากการเติบโตทางธุรกิจแล้ว แสนสิริยังให้ความสำคัญกับการ ‘ตอบแทนสังคม’ โดยไม่จำกัดแค่ในธุรกิจอสังหาเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนความเสมอภาค เท่าเทียม และช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผ่านโครงการต่างๆ เช่น Live Equally, Zero Dropout, Sansiri Academy, No One Left Behind และ Future Harvest

 

ทั้งหมดทั้งมวล แผนธุรกิจ ‘Dynamic Growth’ ของแสนสิริในปี 2568 ไม่ใช่แค่การประกาศเป้าหมายที่ท้าทาย แต่คือ ‘คำมั่นสัญญา’ ที่จะขับเคลื่อนวงการอสังหาไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยประสบการณ์ 40 ปี ความเชี่ยวชาญในตลาดพรีเมียม กลยุทธ์ที่เฉียบคม และพันธกิจเพื่อสังคม

 

จับตาดู Dynamic Growth ของแสนสิริให้ดี นี่คือปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมวงการอสังหาไทยอย่างแน่นอน! ความเป็นผู้นำที่ไม่หยุดนิ่งควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นในการพัฒนา ทำให้แสนสิริไม่เพียงสร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนและสังคมไทยอย่างแท้จริง

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising