×

ไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต เทียบไม่ได้ ‘แซม อัลต์แมน’ ซีอีโอ OpenAI ฟันธง AGI ขุมพลังใหม่ แต่ต้องคุมให้อยู่!

10.02.2025
  • LOADING...

แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI ออกมาโพสต์บทความถึงวิสัยทัศน์ที่เขามีต่อ Artificial General Intelligence (AGI) กับอนาคตของการทำงานรวมถึงผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

ในอนาคตอันใกล้ แซมคาดว่า AGI จะกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย และเปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคนบนโลก เหมือนดั่งที่กระแสไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตเคยทำไว้

 

“มนุษย์มีแรงผลักดันโดยธรรมชาติ อยากรู้อยากเห็นและต้องการจะสร้างเครื่องมือที่ทำให้โลกดีขึ้นสำหรับทุกคน ซึ่งกลุ่มคนในแต่ละรุ่นต่อยอดนวัตกรรมจากการค้นพบของคนรุ่นก่อนหน้า เพื่อสร้างเครื่องมือที่ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า, สารกึ่งตัวนำ (Transistors), คอมพิวเตอร์, อินเทอร์เน็ต, และลำดับถัดไปในอีกไม่ช้าก็จะเป็น AGI” แซมเขียนระบุ

 

แม้ว่า AGI จะเป็นคำที่แซมกล่าวว่ายังไม่ถูกนิยามอย่างชัดเจนในวงการ AI แต่จากมุมมองของซีอีโอผู้ปลุกกระแสให้นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์แพร่กระจายไปทั่วโลกด้วยการเปิดตัว ChatGPT เมื่อปลายปี 2022 เขามอง AGI เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการแก้ไขปัญหาในแทบทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะการเป็นเครื่องมือปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์

 

ภายในอีก 10 ปี แซมคาดว่าการเข้ามาและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ AGI จะส่งผลให้คนธรรมดาทั่วไปหนึ่งคนอาจทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้มากกว่าคนที่เก่งและมีประสิทธิภาพมากที่สุดวันนี้ทำได้ในปัจจุบัน

 

ในบทความแซมเขียนถึง 3 หัวข้อในประเด็นเชิงเศรษฐศาสตร์ของ AI ที่กำลังเกิดขึ้น:

 

  1. ความสัมพันธ์ของทรัพยากรที่ใช้และความฉลาดของโมเดล AI: แซมระบุว่า ความสามารถของโมเดลมักจะเพิ่มขึ้นตามทรัพยากรที่ถูกใช้เพื่อลงทุนพัฒนา โดยทรัพยากรหลักคือกำลังการประมวลผล (Compute Power) และข้อมูล หมายความว่ายิ่งการลงทุนมากและทำอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถยกระดับศักยภาพของ AI ได้เรื่อยๆ
  2. ค่าใช้จ่ายที่ลดลง: แซมชี้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน AI โดยเฉลี่ยจะลดลงประมาณ 10 เท่าในทุกๆ 12 เดือน ซึ่งเขายกตัวอย่างการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของค่าใช้จ่าย Token (หน่วยย่อยของข้อมูลที่ AI ใช้ประมวลผล) จากโมเดล GPT-4 ในต้นปี 2023 มาสู่เวอร์ชันถัดมาอย่าง GPT-4o ในกลางปี 2024 ที่มีราคาลดลงเกือบ 150 เท่า
  3. มูลค่าทางสังคมและเศรษฐกิจจะสูงขึ้นแบบทวีคูณ: แซมเชื่อว่าแม้ AI จะฉลาดเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจะเพิ่มในอัตราที่สูงกว่ามาก ทำให้เขาคาดว่าการลงทุนใน AI จะยังคงพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง 

 

เมื่อ AI พัฒนาอย่างก้าวกระโดด คำถามที่ตามมาของอนาคตของการทำงานและสังคมจะเป็นอย่างไร?

  

อนาคตที่แซมเขียนไว้คือ AI Agents จะทำหน้าที่เสมือนเพื่อนร่วมงาน เช่น Agent สำหรับงานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่สามารถจัดการกับงานส่วนใหญ่ในระดับที่วิศวกรที่มีประสบการณ์มาหลายปีทำได้ เขาชวนให้คิดภาพตามถึงทีมงานที่ประกอบด้วย Agent จำนวนนับพันนับล้านตัวที่ทำงานร่วมกันในโปรเจกต์ต่างๆ ซึ่งอาจปฏิวัติรูปแบบการทำงานอย่างสิ้นเชิง

 

อย่างไรก็ดี แซมย้ำว่า Agent ก็มิได้จะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง และยังต้องอาศัยการกำกับดูแลจากมนุษย์ “ถึงแม้ว่ามัน (Agent) จะไม่ใช่ผู้ที่คิดค้นแนวคิดใหม่ๆ และยังต้องพึ่งพามนุษย์ที่คอยเป็นผู้กำหนดทิศทาง แต่มันก็มีความสามารถที่หลากหลาย บางอย่างอาจทำได้ดีเกินคาด ในขณะที่บางอย่างกลับทำได้ไม่ดีจนอยากจะเชื่อ” แซมระบุ

 

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อาจจะทำให้เกิดความกังวล แต่แซมเชื่อว่าชีวิตประจำวันในอนาคตอันใกล้จะไม่ได้เปลี่ยนไปแบบชั่วข้ามคืน เขามองว่าผู้คนจะยังสร้างครอบครัวและเพลิดเพลินกับธรรมชาติเหมือนกับที่เคย แต่ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาวก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเพิกเฉย โดยเฉพาะกับนิยามของ ‘งาน’ ที่จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

ในช่วงท้ายแซมฝากข้อคิดไว้ในประเด็นการผนวก AGI เข้าสู่สังคม ซึ่งต้องได้รับการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพราะในขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย แต่ในเวลาเดียวกันก็นำความท้าทายเข้ามาด้วยเช่นกัน

 

หาก AGI ปราศจากการกำกับดูแลที่รอบคอบและชัดเจน ความผิดพลาดนั้นอาจทำให้เทคโนโลยีที่สร้างประโยชน์กับสังคมกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้ควบคุมประชาชน

 

แซมเสนอให้มีการมีการร่วมมือกันระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะผลกระทบของ AGI ต่อสังคมนั้นจะขึ้นอยู่กับวิธีที่พวกเราเลือกในการผนวกและกำกับดูแลเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกตัวนี้

 

ภาพ: Tomohiro Ohsumi / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising