×

‘Sailor Nink’ ตัวแทนแห่งความยุติธรรม ที่จะมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคนบนเส้นทางสายใหม่

24.07.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ซีรีส์ The Underclass ห้องนี้ไม่มี..ห่วย คือผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ นิ้ง-มนัญญา เกาะจู ในฐานะสมาชิก BNK48 รับบทเป็น กะเพรา เด็กสาวจากห้อง F ที่มีนิสัยขี้หลงขี้ลืม และชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ 
  • หลังจากที่นิ้งตัดสินใจประกาศจบการศึกษาจาก BNK48 เธอเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในฐานะสตรีมเมอร์ และยูทูเบอร์ภายใต้ชื่อ Sailor Nink 
  • ในวัยเด็กนิ้งเป็นเด็กผู้หญิงที่มีนิสัยห้าวๆ เธอจึงชอบอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ และเคยสร้างวีรกรรมในรั้วโรงเรียนเอาไว้มากมายจนขนาดที่ว่า วันไหนที่คุณครูไม่ด่านอนไม่หลับ
  • นิ้งมองว่า ‘ความห่วย’ เปรียบเสมือนแรงถีบที่ส่งให้ตัวเองก้าวต่อไป เพื่อทำให้คนอื่นเห็นว่าเราไม่ได้ห่วยอย่างที่ใครหลายคนพูด 

หลังใช้เวลาร่วม 3 ปี ที่ มนัญญา เกาะจู ส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับแฟนคลับในฐานะ นิ้ง BNK48 ก่อนจะตัดสินใจประกาศจบการศึกษา (ลาออกจากวง) จาก BNK48 ผ่านทางแอปพลิเคชัน iAM48 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 และเพิ่งมีพิธีจบการศึกษา และ ‘ปลดรูป’ อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม พร้อมด้วยเหล่าสมาชิก BNK48 มาร่วมแสดงความยินดีให้กับนิ้ง

 

เพื่อร่วมส่งท้ายในวันจบการศึกษา และอวยพรให้กับทุกช่วงเวลาบนเส้นทางใหม่ THE STANDARD POP ชวนนิ้งมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับผลงานล่าสุด และอัปเดตชีวิต รวมไปถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่หล่อหลอมจนกลายเป็นตัวตนของเธอในปัจจุบัน ตั้งแต่เรื่องราวในรั้วโรงเรียนที่นำเธอไปสู่เวทีการประกวดจนได้มาเป็นหนึ่งในวง BNK48 ควบคู่ไปกับการเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ บทบาทในฐานะสตรีมเมอร์และยูทูเบอร์ 

 

รวมทั้งตัวละคร ‘กะเพรา’ จากซีรีส์ The Underclass ห้องนี้ไม่มี..ห่วย ผลงานล่าสุดที่เพิ่งออกอากาศไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม และนับว่าเป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของนิ้งในฐานะ BNK48 

 

 

“หนูตื้นตันใจมากๆ ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ใช่ BNK48 แล้ว เขาก็ยังให้กำลังใจหนูอยู่ เขายังไม่ไปไหน และเขารู้ว่าเราไม่ไปไหน หนูมีความสุขที่จะก้าวต่อไป เราไม่ได้ก้าวถอยหลัง แต่เรากำลังก้าวต่อไป”

 

 

นิ้ง ในบทบาทของกะเพราจากซีรีส์ The Underclass ห้องนี้ไม่มี..ห่วย 

 

คิดว่าคาแรกเตอร์ของนิ้งกับกะเพรามีความเหมือนหรือแตกต่างกันมากขนาดไหน

กะเพราเป็นคนที่ขี้ลืมค่ะ ขี้ลืมมากๆ จนได้ฉายาว่าปลาทองเดินบก เป็นคนที่ชอบกินตลอดเวลา แล้วก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องการเรียนเท่าไร ไม่ถนัดเรื่องวิชาการอะไรเลย แต่ว่ากะเพราจะเป็นคนที่เล่นกีฬาเก่ง 

 

ส่วนนิ้งจะเป็นคนที่ชอบเรื่องการเรียนมากกว่ากะเพรา แต่ว่าสิ่งที่เหมือนกันคือชอบเล่นกีฬา ตอนเด็กๆ หนูชอบเล่นกีฬามากๆ พวกบาสเกตบอล, แชร์บอล, ปิงปอง, แบดมินตัน 

 

หนูเคยเป็นนักกีฬาวิ่งในช่วงมัธมฯ ด้วยนะ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงกีฬาสี แล้วเหมือนก่อนวันแข่งเพื่อนที่จะลงแข่งวิ่งเขาไปเล่นบาสเกตบอล แล้วเกิดกระแทกกันจนขาพลิก วิ่งไม่ได้ หนูก็เลยต้องลงแข่งแทน แล้วชนะด้วยนะ แต่ว่าหนูไม่ได้เหรียญทอง เพราะว่าลงเป็นชื่อของเพื่อน แล้วหนูเคยเป็นนักกีฬาแชร์บอลค่ะ แข่งกีฬาสีในโรงเรียนนะคะ อันนี้ได้เหรียญเงินค่ะ 

 

 

ในเรื่อง The Underclass กะเพราคือหนึ่งใน ‘แก๊งแกะดำ’ ที่ก่อวีรกรรมต่างๆ จนทำให้คุณครูต้องปวดหัว ในวัยเด็กของนิ้งเคยมีวีรกรรมแสบๆ ในรั้วโรงเรียนแบบนั้นบ้างไหม

มีค่ะ บอกเลยว่าตอนเด็กๆ หนูไม่ได้เป็นผู้หญิงจ๋าแบบตอนนี้ ออกไปทางห้าวๆ ส่วนมากจะอยู่กับแก๊งเพื่อนผู้ชายตลอด เหมือนเป็นเจ๊ใหญ่ในแก๊ง (หัวเราะ) ส่วนวีรกรรมในรั้วโรงเรียนก็มีตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เช่น ปีนหน้าต่างไปเก็บของบ้าง จนโดนด่าตลอด ครูห้ามไม่ให้เล่นต่อตัวกัน แต่พวกหนูก็เล่น โดนด่าทุกวันจนรู้สึกว่าวันไหนไม่โดนครูด่าแล้วนอนไม่หลับ (หัวเราะ) ตอนเด็กเป็นอย่างนี้จริงๆ 

 

มีวีรกรรมไหนบ้างที่ยังจำได้ขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้ 

เรื่องเล่นต่อตัวนี่แหละค่ะ วิ่งหนีครูกันจ้าละหวั่นเลย พอเข้าเรียนครูก็เรียกมาหน้าห้อง แล้วมีหนูเป็นผู้หญิงคนเดียว ทุกสายตาคือจ้องมาที่หนูกันหมด จากที่ห้าวๆ ตอนนั้นหนูเงียบไปเลย ยังดีที่เพื่อนผู้ชายในแก๊งเห็นว่าเป็นผู้หญิง ไม่อยากให้โดนหนักเลยไม่มีใครพูดถึงหนู ยิ่งทำให้หนูรักเพื่อนมากๆ เลยตอนนั้น

 

ทำไมถึงชอบอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายมากกว่า 

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ตรงกันมากกว่า ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ช่วงประถมฯ หนูเป็นคนที่ไม่เล่นของกระจุกกระจิกเท่าไร หนูจะชอบเล่นพวกปืนของเล่นมากกว่า แล้วอย่างที่บอกว่าตอนเด็กๆ หนูจะชอบเล่นกีฬา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีแต่พวกผู้ชาย 

 

แต่ในขณะเดียวกัน นิ้งก็เริ่มเดินสายประกวดความงามตามเวทีต่างๆ ตั้งแต่ 9 ขวบ ซึ่งมันดูเป็นเส้นทางที่ขัดกับนิ้งที่มีนิสัยห้าวๆ มากเหมือนกันนะ

ขัดมากค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ตอนแรกหนูไม่อยากลงประกวดนะคะ แต่คุณแม่บอกว่า อยากให้ลองประกวดดู แม่อยากให้แต่งชุดไทย อยากให้หนูดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น หนูก็เลยลองดู ตอนก่อนจะประกวด เขาจะมีซ้อมเดินใช่ไหมคะ ตอนนั้นหนูเดินเป็นนกกระยางเลย แบบทุกคนเดินสวยเลยนะ บางครั้งคุยกับคุณแม่ว่าไม่อยากประกวด แต่คุณแม่ไม่ยอม จะพูดตลอดว่า เอาน่านิดหนึ่ง ก็ต้องทำใจ

 

ระยะเวลา 7-8 ปีที่เดินสายประกวดมาตลอด ก่อนเข้ามาเป็น BNK48 มีส่วนเปลี่ยนแปลงนิสัยห้าวๆ ของนิ้งไปอย่างไรบ้าง 

เปลี่ยนเยอะนะคะ หนูเป็นผู้หญิงมากขึ้น ยังมีดื้อ เกเร งอแงอยู่บ้าง แต่การเล่นอะไรแผลงๆ ลดลงจนแทบหายไปเลย การตอบคำถามบนเวทีต่างๆ ก็ทำให้หนูมีทัศนคติเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เหมือนซึมซับเข้ามาโดยปริยายแล้ว 

 

 

ครั้งแรกที่ถูกถามว่า ‘โตขึ้นอยากเป็นอะไร’ คำตอบของนิ้งคือ

อยากเป็นหมอค่ะ เพราะหนูเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่พอรู้ว่าหมอต้องไปผ่าศพก่อน ต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่ เลิกค่ะ ความคิดนั้นปิ๊งหายไปเลย (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ หนูจะชอบตามคุณพ่อไปที่ศาล แล้วเห็นคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กำลังเคาะๆ โต๊ะ หนูถามคุณพ่อว่าเขาคือใคร คุณพ่อก็บอกว่าเขาเป็นผู้พิพากษา หนูเลยอยากเป็นผู้พิพากษามาตั้งแต่ตอนนั้น

 

“ถึงแม้เราจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องมานั่งรองรับอารมณ์คุณ คุณจะมาด่าเราอย่างไร คุณจะอยากด่าคำไหน คุณจะใส่ไฟเราขนาดไหน มันทำไม่ได้ เพราะสุดท้ายบุคคลสาธารณะก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่เขามีชีวิตจิตใจ แล้วก็มีกฎหมายคุ้มครอง”

 

ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศในศาล ได้มองเห็นการทำงานจริงๆ ของคนที่เป็นนักกฎหมาย เป็นอย่างไรบ้าง

กลัวมากค่ะ (ตอบทันที) เพราะตำรวจเยอะมาก แล้วทุกคนแบบทำหน้าอย่างนี้ (ทำหน้านิ่งมาก) พอหนูสวัสดีทุกคนก็นิ่ง ตอนนั้นคิดในใจว่าหนูทำผิดอะไรหรือเปล่า แล้วเวลาที่เขาเถียงกัน หนูจำได้ว่านั่งขาสั่นไปหมดเลย ทุกคนใส่กันไปใส่กันมา ตอนนั้นหนูก็คือ โอ้ย กลัว (หัวเราะ)

 

นิ้งเริ่มเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เมื่อรู้ว่าความฝันของตัวเองคือการเป็นผู้พิพากษา

เริ่มหาข้อมูลอย่างจริงจังตอนช่วงมัธยมฯ ต้นจากคุณครูสอนสังคมค่ะ เขาจะเก่งด้านกฎหมาย ไปถามเขาว่าต้องเรียนอย่างไร ต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องใช้สาขาไหน คิดว่าจะเรียนต่อด้านนี้ อาจจะมีแวบๆ อยากเบนเข็มไปบริหารฯ บ้าง นิเทศฯ บ้าง แต่นิติศาสตร์นำมามากที่สุด

 

แต่ถ้าดูตามประวัติที่ผ่านมาทั้งหมด

ควรเป็นนิเทศฯ ใช่ไหมคะ (หัวเราะ) ใครๆ ก็พูดแบบนั้น หนูชอบทั้ง 2 อย่างนะ แต่กฎหมายเป็นวิชาที่ต้องมีการสอบใบอนุญาต ต้องมีตั๋วทนายถึงจะไปทำงานด้านนี้ได้จริงๆ แต่งานสายนิเทศฯ หนูคิดว่ายังศึกษาจากการทำงานควบคู่กันไปด้วยได้ 

 

หลังจากตั้งเป้าหมายว่าจะไปเรียนต่อนิติศาสตร์ อะไรทำให้นิ้งตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางสายไอดอล และมาสมัครเป็น BNK48 ตอนอายุ 17 ปี 

ตอนนั้นหนูได้ดูแอนิเมะเรื่อง AKB0048 แล้วทำให้อยากร้องเพลง อยากขึ้นคอนเสิร์ต อยากจะมีคนคอยเชียร์ มีคนส่งเสียงเฮ อีกอย่างที่ชอบคือเนื้อเรื่องของ AKB0048 จะมีเรื่องความยุติธรรมสอดแทรกอยู่ในนั้นด้วย 

 

ประมาณว่าโลกของ AKB0048 จะมีกฎห้ามไม่ให้ใช้เสียงเพลง แต่กลุ่มของ AKB เป็นกลุ่มที่แอบร้องเพลง แอบให้ความสุขกับทุกคน จนทางการเข้ามาบุกมาโจมตี เลยเป็นแรงบันดาลใจให้หนูตัดสินใจสมัครเข้า BNK48

 

น่าจะเป็นเรื่องที่หนักหน่วงเหมือนกัน ที่ต้องทำงานในฐานะไอดอลไปด้วย เรียนไปด้วย แล้วยังต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมๆ กัน

หนักหน่วงมากค่ะ เพราะตอนเข้าใหม่ๆ หนูร้องไม่ได้ เต้นไม่ได้ เลยต้องซ้อมหนักกว่าคนอื่น ยิ่งซ้อมหนักก็ยิ่งไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ช่วงนั้นซ้อมถึง 5 ทุ่ม เหนื่อยมาก แต่กว่าจะได้นอนประมาณตี 1 ตี 2 ตลอด เพื่อเอาเวลามาอ่านหนังสือ ไม่งั้นหนูจะสอบไม่ผ่าน กลับบ้านมาเครียดทุกวัน เรียกว่าเกือบตาย 

 

 

แน่นอนว่าการอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ในฐานะไอดอลวง BNK48 ทำให้สมาชิกทุกคนต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ และการถูก Cyberbullying มาตลอด แต่ละคนมีวิธีรับมือแตกต่างกันไป ทำไมนิ้งถึงเลือกตอบโต้คนที่มาบูลลี่ด้วยการพูดถึงบทลงโทษทางกฎหมาย ที่ดูค่อนข้างรุนแรงเหมือนกัน

หนูคิดว่าถึงแม้เป็นบุคคลสาธารณะ แต่ใช่ว่าเราจะต้องมานั่งรองรับอารมณ์ของใคร คุณจะมาด่าเราอย่างไร คุณจะอยากด่าคำไหน คุณจะใส่ไฟเราขนาดไหน มันทำไม่ได้ เพราะสุดท้ายบุคคลสาธารณะก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจ และมีกฎหมายคุ้มครอง 

 

จริงๆ หนูพูดเพราะเป็นห่วงคนที่เขาด่าเราด้วยนะ เพราะว่าเขาคือคนคนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับกฎหมาย เราไม่อยากให้เขาจะต้องมามีคดีติดตัว ประชาชนส่วนมากไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย ซึ่งมันจะทำให้เขาเสียเปรียบ หลังจากที่ตอบกลับไปแบบนั้น หนูก็เริ่มแชร์โพสต์ที่เป็นสรุปความเกี่ยวกับหลักกฎหมายมาเรื่อยๆ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่ามันมีกฎหมายแบบนี้อยู่ เพื่อรองรับและปกป้องตัวคุณ 

 

อย่างเรื่อง Cyberbullying คนที่โดนบูลลี่เขาอาจจะยังไม่รู้ว่ามีกฎหมายอะไรที่จะปกป้องทั้งตัวเขาและสิทธิของเขาได้ เราแค่อยากจะบอกเขาว่ามันมีกฎหมายที่ปกป้องทั้งคนที่โดนบูลลี่ และบทลงโทษคนที่มาบูลลี่ด้วย เพื่อให้เขารู้ว่าเราไม่ควรไปบูลลี่คนอื่นนะ ไม่อย่างนั้นจะโดนความผิดอย่างนี้ๆ 

 

หลังจากที่หนูตอบกลับไปก็ไม่มีใครเข้ามาด่าตรงๆ อีกเลย แต่ยังมีส่งมาในแชตอยู่ ซึ่งในแชตไม่โดนอยู่แล้ว เพราะมันไม่ได้ออกสู่สาธารณะ แต่ถือว่ามีน้อยมากๆ 

 

 

หลายคนอาจมองว่า ‘กฎหมาย’ ดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่จริงแล้วมันใกล้ตัวเรามากๆ 

ใช่ค่ะ มันใกล้ตัวและสำคัญกับเรามากๆ เพราะว่ากฎหมายเป็นเครื่องป้องกันที่ทำให้เราไม่โดนรังแก ไม่โดนข่มเหงจากคนที่มีอำนาจมากกว่า

 

จากตอนแรกที่นิ้งตามคุณพ่อไปที่ศาลแล้วอยากเป็นผู้พิพากษา พอได้มาศึกษาจริงๆ มันเปลี่ยนมุมมองของนิ้งที่มีต่อกฎหมายอย่างไรบ้าง 

มีแต่เรื่องที่เพิ่มขึ้นมากกว่า เช่น เพิ่มความคิดของเราที่อยากจะช่วยสังคม จากตอนนั้นที่เห็นคุณพ่อเป็นคนฝ่ายช่วยจำเลยหรือโจทก์ แต่ตอนนี้เราอยากจะช่วยสังคมให้ดีขึ้น แล้วก็แชร์ความรู้เรื่องกฎหมายให้ครอบคลุมได้มากขึ้น 

 

 

เมื่อวันเวลาผ่านไป นิ้งก็ตัดสินใจลาออกจากวง วันแรกที่ไม่มีนามสกุล BNK48 แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

ถามว่ารู้สึกเสียดายไหมก็รู้สึกเสียดายนะ เพราะว่าหนูทุ่มเทกับคำว่า BNK48 ไปเยอะมาก ยอมหยุดเรียนเพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อให้สมกับคำว่า BNK48 แต่ว่าเราต้องเริ่มต้นใหม่ เพราะก็อาจจะจริงที่เขาบอกว่าเรายังไม่เหมาะสม เพราะฉะนั้นเราต้องไปหาทางเดินที่ตัวเรามีความสุข แฟนคลับมีความสุข ไม่กดดันมากกว่า 

 

ช่วงเวลา 3 ปี บนเส้นทางสายไอดอลเปลี่ยนแปลงตัวนิ้งอย่างไรบ้าง 

ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนะคะ แต่เป็นการเพิ่มความสามารถให้หนูมากกว่า อย่างเมื่อก่อนได้แค่รำไทย แต่ตอนนี้หนูเต้นได้ ร้องเพลง เป็น MC เอ็นเตอร์เทนแฟนคลับได้แล้ว

 

บรรยากาศวันจับมือครั้งสุดท้ายเป็นอย่างไรบ้าง

วันนั้นหนูเข้าผิดเลนด้วย (หัวเราะ) มีคนมาต่อแถวเยอะมาก เลยคิดว่าไม่ใช่เลนของหนู จนพี่ๆ เขาเรียกกัน หนูก็งงว่าเรียกทำไมนะ นึกว่าเรียกไปถ่ายรูป อ๋อ เราเข้าผิดเลน (หัวเราะ) เพราะคนที่ไม่เคยตามเรามาก่อนก็เข้ามาให้กำลังใจ ตอนนั้นหนูมีความสุขและตื้นตันใจมากๆ ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ใช่ BNK48 แล้ว แต่เขายังให้กำลังใจหนูอยู่ เขายังไม่ไปไหน เหมือนที่หนูยังไม่ได้ไปไหน ยังมีความสุขที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่เดินถอยหลัง 

 

 

โมเมนต์ที่ดีที่สุดที่คิดว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีวันลืมในการเป็น BNK48 คืออะไร

วันเลือกตั้งค่ะ (ตอบทันที) ที่ประกาศออกมาได้อันดับ 29 แล้วทุกคนดีใจ เสียงเชียร์ดังลั่น เป็นโมเมนต์ที่ประทับใจมากที่แฟนคลับสู้เพื่อให้หนูยืนในตำแหน่งที่ 29 มันอาจจะไม่ใช่ตำแหน่งที่สูง แต่เป็นตำแหน่งที่เขาพยายามทำเพื่อให้หนูได้ขึ้นไปอยู่ตรงนั้น

 

ตอนนี้นิ้งก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ในฐานะ Sailor Nink สตรีมเมอร์และยูทูเบอร์ ซึ่งเป็นฉายาที่ใช้มาตั้งแต่อยู่ BNK48 ทำไมนิ้งถึงมีความผูกพันกับเซเลอร์มูนมากขนาดนี้

คาแรกเตอร์ของหนูจะค่อนข้างเหมือนเซเลอร์มูนค่ะ เพราะว่าช่วงหลังๆ หนูจะขี้แยมากขึ้น ร้องไห้เก่ง ซุ่มซ่าม และขี้ลืม อีกอย่างคือหนูเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องการผดุงความยุติธรรมอยู่แล้วด้วย

 

คิดว่าเรื่องความรัก ความยุติธรรม ที่นิ้งดูอินมากเป็นพิเศษ ได้รับอิทธิพลมาจากใครมากที่สุด

คุณพ่อค่ะ เพราะว่าคุณพ่อเป็นนักกฎหมายด้วย คุณพ่อก็จะสอนว่าทุกคนควรที่จะมีความยุติธรรมต่อกัน มีความเท่าเทียมกัน 

 

“เรื่องการร้องเพลง แต่ก่อนหนูห่วยมาก โดนว่าตลอด แล้วด้วยความที่เราได้ยินทุกวัน จนคิดขึ้นมาว่าจะให้คนมาว่าเราแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องถีบตัวเองขึ้นมา คนเก่งแพ้คนขยัน อันนี้คือเรื่องจริง”

 

เนื้อหาของซีรีส์ The Underclass ก็พูดถึงเรื่องความยุติธรรม ความเท่าเทียม และความแตกต่างในรั้วโรงเรียน ในสมัยเรียนนิ้งเคยเจอเหตุการณ์ที่ดูแล้วมันไม่ยุติธรรม ไม่เท่าเทียมบ้างไหม

ไม่เคยเจอกับตัวแต่เคยเห็น ตั้งแต่ชั้นประถมฯ โรงเรียนหนูจะมีการแบ่งเป็น ห้องคิง  ห้องที่ 2 ไปจนถึงห้องที่ 5 สำหรับนักเรียนที่อยู่ห้องคิงจะได้รับอภิสิทธิ์มีชีตเพิ่ม ได้ติวเพิ่ม แต่ห้องอื่นๆ จะไม่ได้ชีตอะไรเลย จนเพื่อนในห้องคิงต้องมาแบ่งให้ 

 

เหมือนว่าห้องคิงจะต้องเป็นห้องที่เชิดชูเกียรติของโรงเรียน จะต้องไปสอบแข่งโน่น สอบแข่งนี่ สอบแข่งนั่น คุณครูเขาจะเอ็นดูเด็กเรียนเก่งมากกว่าเด็กที่เรียนไม่เก่ง หนูเองเคยหลุดจากห้องคิงไปอยู่ห้อง 2 ยังโดนเพื่อนในห้องคิงบางคนบอกเหมือนกันว่า ห่วยนะ ที่ตกจากห้องคิง

 

คิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

หนูคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในโรงเรียนที่อยากให้โรงเรียนมีชื่อเสียง สามารถแข่งกับโรงเรียนอื่นได้ อันนี้แหละสำคัญ พยายามเอาเด็กเก่งขึ้นมาเชิดชูโรงเรียน

 

อีกอย่างมันอยู่ที่อีโก้ในตัวเด็กบางคนด้วย ที่อาจจะรู้สึกว่าฉันอยู่ห้องคิง ฉันเก่งกว่าคนอื่น แต่คุณอาจจะเก่งแค่บางวิชา ความจริงแล้วคุณไม่สามารถเก่งกว่าคนอื่นได้ทุกๆ เรื่องหรอก บางเรื่องเขาอาจจะเก่งกว่าคุณก็ได้ มันไม่มีคำว่าใครเก่งกว่าใคร 

 

หลังจากได้แสดงซีรีส์ที่พูดถึง ‘ความห่วย’ นิ้งคิดว่าเราพอจะหาข้อดีจากคำนี้ได้บ้างไหม

สำหรับหนูคำว่าห่วยมันเป็นคำดูถูกเลยนะ แต่ก็เป็นแรงที่ถีบส่งเราขึ้นไปว่า ฉันต้องทำให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้ห่วยอย่างที่เธอพูด 

 

อย่างเรื่องการร้องเพลง แต่ก่อนหนูห่วยมาก โดนว่าตลอด แล้วด้วยความที่เราได้ยินทุกวัน จนคิดขึ้นมาว่าจะให้คนมาว่าเราแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องถีบตัวเองขึ้นมา คนเก่งแพ้คนขยัน อันนี้คือเรื่องจริง 

 

 

พูดถึงเรื่องบทบาทล่าสุดในฐานะสตรีมเมอร์สายเกมกันบ้าง จำได้ว่านิ้งเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า นิ้งเริ่มชอบเล่นเกมมาจากพี่ชาย

ใช่ค่ะ ตอนช่วงประถมฯ เห็นพี่ชายเล่นเกมแบบเสียบตลับที่เก่ามากๆ เห็นว่าน่าสนุกเลยแอบมาเล่นบ้าง และชอบเล่นเกมมาตั้งแต่ตอนนั้น ยิ่งหนูมีร้านของคุณป้าที่อยู่ข้างๆ ร้านเกม ก็จะแอบเข้าไปร้านเกมบ่อยๆ (หัวเราะ) ตอนแรกแค่เล่นเพราะชอบเฉยๆ ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะเป็นอาชีพให้เราได้

 

จำความรู้สึกวันแรกที่เริ่มสตรีมเกม Home Sweet Home 2 ได้ไหม ยากหรือง่ายกว่าที่เราเคยคิดเอาไว้ขนาดไหน

ยากค่ะ เพราะว่าเราไม่ใช่เกมเมอร์ เป็นแค่คนที่ชอบเล่นเกมธรรมดา ไม่ต้องมานั่งพูดไปด้วยเล่นไปด้วยตลอดเวลา แรกๆ มันจะมีช่วงเดดแอร์ที่หนูไม่พูดอะไรเลยบ่อยมาก เป็นเรื่องยากที่ต้องเอ็นเตอร์เทนคนดูไปด้วย เล่นเกมไปด้วย ซึ่งเราพยายามปรับปรุงตรงนั้นให้ดีขึ้นมาตลอด

 

“แฟนคลับคือแรงผลักดันสำคัญของหนู หนูแค่มีแฟนคลับคนสองคนที่หนูสามารถทำให้พวกเขามีความสุข มีรอยยิ้ม มันก็คุ้มแล้ว เราไม่ต้องนับเม็ดเงินที่ได้มา แต่เรานับแค่ความสุขของเขา”

 

จากตอนแรกที่เราเริ่มชอบเล่นเกมจากพี่ชาย แต่มาตอนนี้การเล่นเกมของเรามันเปลี่ยนเป็นการทำงาน ความสนุกที่ได้เล่นเกมของนิ้งมันเปลี่ยนไปไหม

ได้ไม่เปลี่ยนไปมากนะคะ เพราะเราอยากมีความสุขกับงานที่ทำ ซึ่งการเล่นเกมของหนูตอนนี้ยังสนุกเหมือนเดิม เพราะว่าเกมมันถูกสร้างมาเพื่อความเพลิดเพลินอยู่แล้ว  

 

ในฐานะยูทูบเบอร์ล่ะ นิ้งมีวิธีในการคิดคอนเทนต์ในรายการอย่างไรบ้าง

หนูจะยึดเอาความสุขของแฟนคลับเป็นหลักค่ะ จะทำอย่างไรให้คลิปนี้มันสนุก เพื่อที่จะเอาเสียงหัวเราะ หรือรอยยิ้มจากแฟนคลับให้ได้มากที่สุด

 

แล้วหนูตัดต่อเองหมดเลยนะ คือหนูเริ่มเรียนรู้เรื่องการตัดต่อมาตั้งแต่มัธยมฯ ที่ยังไม่เข้า BNK48 เลย เพราะหนูชอบเวลาเห็นเขาทำหนัง หนูไปเรียนรู้  ศึกษาข้อมูล ดูของต่างประเทศบ้าง เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ฝึกทำมาตลอด

 

 

 

รายการ ‘SailorNink และผองเพื่อน’ เป็นรายการที่นิ้งออกเดินทางไปท่องเที่ยวร่วมกับเพื่อนๆ ก็มาจากความสนุก ความชอบในการท่องเที่ยวอยู่แล้วใช่ไหม

ชอบค่ะ หนูจะไปเที่ยวกับครอบครัวบ่อยๆ 

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่รู้สึกประทับใจมากที่สุด

ทุกที่เลยค่ะ เพราะว่าแต่ละจังหวัดก็จะมีเอกลักษณ์ มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองที่จังหวัดอื่นไม่มี จริงๆ ถ้าคนไทยได้ลองเที่ยวประเทศไทยให้ครบ แล้วจะรู้ว่าประเทศไทยก็มีดีไม่แพ้ต่างประเทศ

 

ในช่วงท้ายของรายการมีช่วงหนึ่งที่ชื่อว่า ‘นิ้งแนะกฎหมาย’ ที่นำเสนอเกี่ยวกับกฎหมายมาตราต่างๆ เข้าไปด้วย นิ้งมีวิธีการคิดคอนเทนต์นี้อย่างไรบ้าง

เวลาเราใช้ชีวิตประจำวัน ทุกอย่างมันมีกฎหมายสอดแทรกอยู่แล้ว หนูเลยหยิบหลักกฎหมายที่สอดคล้องกับเนื้อหาตอนต้นคลิปมาใส่ อย่างอีพีแรกเป็นการยืมเงิน เพื่อนหนูไม่มีเงินซื้อทุเรียน หนูเลยบอกว่ากู้เงินไหม หลังจากที่กู้เงินแล้วจะมีกฎหมายอะไรมารองรับ อัตราดอกเบี้ยเท่าไร อะไรอย่างนี้ 

 

ส่วนอีพีที่สองเป็นเรื่องการเงิน ในคลิปจะมีช่วงที่หนูไปแลกเหรียญ เราก็หยิบเรื่องเหรียญมาใช้ ว่าเวลาที่เราจะชำระหนี้ เราสามารถจ่ายเป็นเหรียญได้นะ พยายามเอาเรื่องเล็กๆ แต่มีความสำคัญที่คนส่วนมากจะไม่รู้มาเล่าให้มันสนุกในแบบของเรา

 

 

คุยกันมาถึงตรงนี้ นิ้งได้ก้าวผ่านความผิดหวัง คำดูถูก คำวิพากวิจารณ์มามากมาย พอมองย้อนกลับไปคิดว่ามันคุ้มไหมกับทุกสิ่งที่ตัวเองลงมือทำไป

คุ้มค่ะ เพราะว่าแฟนคลับคือแรงผลักดันสำคัญของหนู หนูแค่มีแฟนคลับคนสองคน ที่หนูสามารถทำให้พวกเขามีความสุข มีรอยยิ้มก็คุ้มแล้ว เราไม่ต้องนับเม็ดเงินที่ได้มา แต่เรานับแค่ความสุขของเขา

 

จากเด็กผู้หญิงนิสัยห้าวๆ ที่คุณแม่ขอให้ไปประกวดตามเวทีต่างๆ จนได้มาเป็นหนึ่งในวง BNK48 ควบคู่ไปกับการเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ สู่บทบาทใหม่ในฐานะสตรีมเมอร์และยูทูเบอร์ ณ เวลานี้นิ้งในวัย 20 ปี อยากให้ทุกคนจดจำตัวเองในแบบไหน 

แต่ก่อนมักจะมีคนบอกว่า นิ้งไม่ร้องไห้เลย นิ้งเก่งมาก นิ้งเข้มแข็งมาก จริงๆ หนูเป็นคนอ่อนแอมาก แบบมากๆ เลยนะ เรียกได้ว่าเป็นคนขี้แย แต่แค่เราสร้างคาแรกเตอร์ห้าวๆ ขึ้นมาเพื่อปกป้องความอ่อนแอของเรา 

 

หนูเลยอยากให้ทุกคนจดจำหนูว่า หนูเป็นคนที่ไม่ท้อต่ออะไรเลย หนูเป็นคนสู้ เป็นคนแข็งแกร่ง แต่ภายในยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง เพราะเราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้คิดว่าทุกคนเข้าใจตัวหนูในเรื่องนี้แล้ว 

 

พื้นที่ที่นิ้งยืนอยู่ในตอนนี้ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับนิ้งหรือเปล่า 

เหมาะสมค่ะ (ตอบทันที) และหนูจะทำให้ทุกคนเห็นด้วยว่า หนูทำได้ ไม่ใช่ว่าหนูออกมาแล้วทำไม่ได้ แต่หนูทำได้ 

 

สามารถติดตาม นิ้ง Sailor Nink ได้ผ่านทาง

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising