ไฟสงครามจากการบุกยูเครนของรัสเซียที่ถูกจุดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 หรือเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบไปยังทั่วโลกในหลายมิติ โดยหนึ่งในผลกระทบที่หลายประเทศรู้สึกได้จนถึงตอนนี้ นอกจากเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ พลังงาน และความมั่นคงทางอาหาร ยังมีประเด็นการอพยพหนีสงครามของพลเรือนรัสเซียที่คาดว่าหนีออกนอกประเทศไปแล้วราว 5 แสน – 1 ล้านคน
เหตุผลในการหนีของชาวรัสเซียนั้นมีหลากหลาย นอกเหนือจากความกลัวอันตรายจากการสู้รบและการถูกเรียกเกณฑ์ทหาร โดยอาจรวมถึงความโกรธแค้นในการก่อสงครามของปูติน และความกลัวที่ถูกลงโทษสำหรับการแสดงออกถึงมุมมองหรือท่าทีต่อต้านสงครามและรัฐบาลเครมลิน ตลอดจนความกังวลว่าการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก อาจสร้างความเสียหายระยะยาวต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ประเทศปลายทางที่ชาวรัสเซียเลือกหนีไปพึ่งพาอาศัย มีทั้งหลายประเทศอาหรับและประเทศแถบเอเชีย โดยไทยเราเองก็เป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมที่ชาวรัสเซียเลือกเดินทางมา โดยหวังจะอยู่ยาวและตั้งต้นชีวิตใหม่
สำนักข่าว Al Jazeera ตีแผ่รายงานเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ว่ากลุ่มชาวรัสเซียที่หนีสงครามมาใช้ชีวิตในไทยนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และมีจำนวนไม่น้อยที่มาพร้อมกับ ‘เงินทุน’ ที่มากพอจะซื้อคอนโดมิเนียมหรือบ้านหรูริมทะเล เข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ ขณะที่บางคนถึงขั้น ‘แย่งงาน’ คนไทย ด้วยการประกอบอาชีพขับแท็กซี่และนำเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่มีทั้งใบอนุญาตหรือวีซ่าสำหรับทำงาน
‘ภูเก็ต’ ปลายทางยอดนิยม
Al Jazeera ระบุว่า จังหวัดภูเก็ต เกาะท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิยมของไทย เป็นจุดหมายที่ชาวรัสเซียจำนวนมากเลือกมาสร้างชีวิตใหม่ หลายคนลงทุนถึงขั้นซื้อคอนโดมิเนียมหรู ราคาตั้งแต่ 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (17.4 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายและวาดหวังถึงอนาคตที่จะใช้ชีวิตแบบ ‘อยู่ยาว’ ในไทย
โดยข้อมูลจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนปีที่แล้ว จนถึงวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา มีชาวรัสเซียกว่า 2.3 แสนคน เดินทางมายังภูเก็ต โดยถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุด
ที่ผ่านมาภูเก็ตถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวรัสเซียเลือกเดินทางมา เพื่อหลบภัยจากช่วงฤดูหนาวอันโหดร้ายในประเทศ แต่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศคำสั่งระดมพลกำลังสำรองกว่า 3 แสนนาย ไปร่วมรบในสงครามยูเครน โดยถือเป็นการระดมพลครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่ตัวเลขยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงนั้นยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า นักท่องเที่ยวรัสเซียจำนวนมากตั้งใจที่จะอยู่ในไทยนานกว่าแค่จะมาพักผ่อนในวันหยุดตามปกติ
รัสเซียหนีสงคราม ฉุดราคาอสังหาภูเก็ตพุ่ง
โซเฟีย มาลีเกวาเรียล (Sofia Malygaevareal) นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตซึ่งมีพื้นเพมาจากรัสเซีย ให้สัมภาษณ์ต่อ Al Jazeera ว่า ลูกค้าของเธอส่วนใหญ่ซึ่งมีอายุน้อย ตั้งแต่ 30-35 ปี เป็นลูกค้าที่ร่ำรวยและมีงบประมาณสูง ซึ่งหลายคนตัดสินใจย้ายมาภูเก็ต และอาศัยอยู่ตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน หรือยาวไปจนถึง 1 ปี
อย่างไรก็ดี การที่จะอาศัยอยู่ในภูเก็ตนั้น ชาวรัสเซียอพยพเหล่านี้ต้องมีทั้งบ้านพัก โรงเรียน งาน และวีซ่าพำนักระยะยาว ซึ่งการที่จะได้รับสิทธิพำนักระยะยาวในไทยนั้นอาจเป็นเรื่องยากและใช้เวลานาน
ขณะที่นายหน้าในบางพื้นที่ของภูเก็ตซึ่งมีชาวรัสเซียอาศัยอยู่จำนวนมากบอกว่า การหลั่งไหลเข้ามาของชาวรัสเซียผู้มีอันจะกิน ซึ่งหนีภัยสงครามและการเกณฑ์ทหาร ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตถีบตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
โดยคอนโดหรูที่ก่อนหน้านี้มีให้เช่าในราคาประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34,800 บาท) ต่อเดือน ราคาพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน วิลล่าสุดหรูในตลาดที่มีราคาเช่าตั้งแต่ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 แสนบาท) ถูกจองล่วงหน้าเต็มหมดแล้วถึง 1 ปี
ในขณะที่ตลาดซื้อขายอสังหาก็ร้อนระอุเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย (REIC) ชี้ว่าปี 2022 มีชาวรัสเซียซื้อคอนโดมิเนียมที่ขายให้กับชาวต่างชาติในภูเก็ต คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40%
REIC ยังระบุว่า ยอดขายคอนโดมิเนียมในภูเก็ตแก่ชาวรัสเซียนั้น มีจำนวนสูงถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 870 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับชาวจีนที่เป็นอีกกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติรายใหญ่รองลงมา
นอกจากนี้ ข้อมูลจากนายหน้าในภูเก็ตยังพบว่า ผู้ซื้อชาวรัสเซียบางรายใช้เงินกว่า 5 แสนดอลลาร์ไปกับบ้านพักหรูริมทะเล
ทั้งนี้ ภาวะความลำบากทางเศรษฐกิจของรัสเซียหลังถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ยังทำให้ชาวรัสเซียอายุน้อยที่มีเงินหรือมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พร้อมที่จะจ่ายเพื่อมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในภูเก็ต ซึ่งมีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพถูกกว่าในมอสโก
ขณะที่เอเจนต์นำเที่ยวชาวรัสเซียในภูเก็ตรายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ เปิดเผยว่าชาวรัสเซียบางคนเดินทางมาไทยด้วยตั๋วเที่ยวเดียวและวีซ่าท่องเที่ยว
ปัญหาจีนเทา กระทบต่างชาติขอวีซ่าระยะยาว
การหลั่งไหลของชาวรัสเซียจำนวนมากมาไทย ยังสะท้อนให้เห็นในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ เช่น เกาะสมุย และพัทยา ซึ่งมีชุมชนชาวรัสเซียขนาดใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ชายหาดจอมเทียนมานานหลายปี
“ชาวรัสเซียย้ายไปพัทยามากขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคู่รักหนุ่มสาวที่กลัวความปลอดภัย” มิคาอิล อิลยิน หัวหน้าบาทหลวงแห่งโบสถ์ All Saints Russian Orthodox ในพัทยา บอกกับ Al Jazeera
ทางด้าน ดา หมอนวดหญิงไทยวัย 40 ปีที่ออกจากงานสปาหรูในมอสโก หลังจากที่ค่าเงินรูเบิลร่วงหนักในช่วงเริ่มต้นสงคราม และกลับมาทำงานที่หาดจอมเทียน พัทยา โดยมีลูกค้าประจำชาวรัสเซียหลายคน เผยว่า หญิงชาวรัสเซียหลายคนอยากให้คนรักหรือลูกๆ มาอยู่ที่ไทย โดยพวกเธอจะเดินทางมาก่อน และพยายามหาบ้านและหาทางทำวีซ่าให้พวกเขาได้มาไทย
อย่างไรก็ตาม การที่จะได้วีซ่าพำนักระยะยาวในไทยตอนนี้ ไม่ง่ายเหมือนกับในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดกรณีเปิดโปงข่าวอื้อฉาวเรื่อง ‘จีนเทา’ ในไทยช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งพบว่ามีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้ความช่วยเหลือแก๊งจีนเทาหรือมาเฟียจีน ในการพาคนจีนหลายพันคนเข้ามาในไทยผ่านการจ้างงานปลอมหรือโครงการอาสาสมัคร
นั่นหมายความว่า หนทางที่ชาวรัสเซียจะมาพำนักระยะยาวในไทยนั้น ต้องมี ‘เงิน’ มากพอที่จะขอวีซ่าแบบ VIP ที่รู้จักในชื่อบัตร Elite Card ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่อนุญาตให้ครอบครัวชาวต่างชาติ 1 ครอบครัว สามารถมาพำนักระยะยาวในไทยได้ในราคาประมาณ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8.7 แสนบาท
ไม่ใช่แค่มาอยู่ แต่ยังแย่งงานคนไทย
ภูเก็ตนั้นถือเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ จากการล่มสลายของการท่องเที่ยวทั่วโลกเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา โดยการเข้ามาของชาวรัสเซียบางคนที่ตั้งเป้าอยู่ยาวในไทยและหางานทำ ยังได้ก่อผลกระทบและความไม่พอใจแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่น ซึ่งกล่าวหาว่านักท่องเที่ยวรัสเซียเหล่านี้ ‘แย่งงาน’ คนไทย
โดยผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ตหลายรายร้องเรียนว่า มีคนขับรถแท็กซี่ชาวรัสเซียให้บริการพาเพื่อนร่วมชาติไปเที่ยวรอบเกาะ และยังเป็นผู้นำกรุ๊ปทัวร์เที่ยวชมรอบบริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ต โดยมักไม่มีใบอนุญาตนำเที่ยวหรือวีซ่าที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
ทางด้าน ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ยังได้เขียนข้อความบน Facebook เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยร้องเรียนและแสดงความกังวลต่อโอกาสที่ชาวรัสเซียจะเข้ามาตัดช่องทางการทำมาหากินของคนไทยในท้องถิ่น
“ถ้าหากเป็นเรื่องจริง พวกเขาแย่งงานของเราในบ้านเรา เราปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้”
อ้างอิง: