×

พ.ร.ก. ลดดอกเบี้ยผิดนัด-พ.ร.ก. ซอฟต์โลน ช่วยผู้ประกอบการ 3.5 แสนล้านบาท จากโควิด-19 มีผลบังคับใช้แล้ว

โดย THE STANDARD TEAM
11.04.2021
  • LOADING...
พ.ร.ก. ลดดอกเบี้ยผิดนัด-พ.ร.ก. ซอฟต์โลน ช่วยผู้ประกอบการ 3.5 แสนล้านบาท จากโควิด-19 มีผลบังคับใช้แล้ว

วันนี้ (11 เมษายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงสภาพคล่องและฟื้นฟูกิจการ และลดภาระลูกหนี้ทุกกลุ่มโดยเร็ว รวมถึงไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอาเปรียบจากเจ้าหนี้จากการคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลจึงได้ออกพระราชกำหนดสองฉบับ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวานนี้ และมีผลบังคับใช้แล้ว 

 

ฉบับแรกคือ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในอัตราหรือวิธีการที่ก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้สูงเกินสมควร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 จึงไม่สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น

 

  1. ลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินควร 

 

  1. เจ้าหนี้บางรายอาศัยความไม่ชัดเจน กำหนดให้ลูกหนี้เมื่อผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ต้องจ่ายดอกเบี้ยบนเงินต้นทั้งหมด 

 

  1. สร้างความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรม 

 

ทั้งนี้ สาระของพระราชกำหนดฯ เป็นการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ประกอบด้วย 

 

  1. อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้กำหนดไว้ก่อนหรือไม่ได้มีกฎหมายกำหนด (แก้ไข มาตรา 7) ปรับลดจากอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลังจะทบทวนทุก 3 ปี ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ 

 

  1. อัตราดอกเบี้ยผิดนัด (แก้ไข มาตรา 224) ปรับลดจากร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงนี้ เป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ร้อยละ 3 ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี 

 

  1. กำหนดฐานการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ในงวดใดงวดหนึ่ง เจ้าหนี้คำนวณดอกเบี้ยผิดนัดได้เฉพาะจากเงินต้นของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเท่านั้น จากเดิมที่มาตรา 224/1 ไม่ได้กำหนดไว้ ส่งผลให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด 

 

สำหรับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้ ให้ใช้กับการคิดดอกเบี้ย การคิดดอกเบี้ยผิดนัด การคิดดอกเบี้ยผิดนัดในงวดที่ถึงกำหนดเวลาชำระ ตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ 11 เมษายน 2564 แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการคิดดอกเบี้ยในระหว่างช่วงเวลาก่อนที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ

 

ส่วนอีกฉบับคือ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เป็นการตัดวงเงินที่เหลือจากพระราชกำหนดฯ ฉบับ พ.ศ. 2563 โดยฉบับล่าสุดประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ 

 

  1. มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นการช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ ทั้งที่เป็นลูกหนี้เดิมและลูกหนี้ใหม่ ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องในกิจการได้มากขึ้น ขยายเวลา ขยายวงเงิน ขยายการชดเชยรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น และกำหนดดอกเบี้ยให้เหมาะสม 

 

  1. มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ และให้สิทธิ์ลูกหนี้ซื้อคืน (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรง และต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวแต่ยังมีศักยภาพและมีหลักประกัน เป็นการลดความเสี่ยงในการขายทรัพย์สินในราคาต่ำเกินไป และช่วยให้ธุรกิจกลับมาเปิดกิจการได้ต่อไป

 

รัชดากล่าวด้วยว่า ภายใต้สถานการณ์อันเร่งด่วนที่ต้องสร้างความมั่นคงและการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องออกพระราชกำหนดทั้งสองฉบับ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการดูแลช่วยเหลือประชาชนและเอกชน มุ่งเป้าเพื่อการบรรเทาภาระลูกหนี้ทั่วไปที่ต้องแบกรับอัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่ไม่เป็นธรรม และการคิดคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดอย่างโหดร้าย และช่วยภาคธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ในขั้นตอนทางกฎหมายลำดับต่อไป คณะรัฐมนตรีต้องเสนอพระราชกำหนดดังกล่าวต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณา

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising