จะดื่มไวน์ทั้งที แน่นอนว่าเราต้องได้เห็นสีของไวน์ จมูกได้กลิ่นหอมอบอวล หูได้ยินเสียงแก้วกระทบกังวาน แต่ส่วนที่จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับไวน์ได้ดีที่สุดก็คือช่องปากเพราะรสชาติละมุนทั้งหลายนั้นจะกระทบกับประสาทสัมผัสของคุณผ่านทางนั้น และการที่รับรสไวน์อย่างถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ เราจึงต้องเตรียมช่องปากให้พร้อมรับรสชาติของไวน์ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่คอดื่มทั้งหลายควรคำนึงถึง แต่เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนดื่มไวน์อย่างไร เรามีวิธีมาฝาก

 

 

สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของประเทศสเปนได้เคยทำการศึกษาผลกระทบของรสชาติไวน์จากแบคทีเรียในช่องปาก พบว่าแบคทีเรียในปากของมนุษย์เรามีส่วนทำให้ไวน์เปลี่ยนรสชาติเมื่อเจอกับน้ำไวน์และก๊าซบางชนิดที่อยู่ในไวน์ นั่นทำให้คุณได้รับกลิ่นและรสชาติที่ครบถ้วน หรือรสชาติใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนเดิมมากกว่าช่องปากที่สะอาดปราศจากแบคทีเรีย

 

ซึ่งข้อสังเกตหลักที่เราควรทำความเข้าใจก่อนคือ เราต่างรับสัมผัสของรสชาติที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่คุณควรรักษาสภาพช่องปากให้อยู่ในสภาพปกติ ให้พร้อมรับรสชาติใหม่ๆ ได้อย่างครบถ้วนมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้คุณรู้สึกดี ชอบ หรือไม่ชอบไวน์ขวดนั้นๆ ในครั้งแรกที่ได้ดื่ม

 

และส่วนที่เราอยากแนะให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอคือ ‘เพดานปาก’ ที่จะเป็นตัวรับรสชาติ ฉะนั้นก่อนที่จะเริ่มดื่มไวน์ เราอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการทานอาหารเผ็ดๆ หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของเครื่องเทศ และอาหารที่มีส่วนประกอบของสิ่งที่มีกลิ่นรุนแรงอย่างหัวหอมหรือกระเทียม ซึ่งอาหารเหล่านี้จะลดทอนความสามารถของการรับรสในปากของคุณเอาได้

 

 

และควรรู้สักนิดว่าอาหารหรือขนมหลายๆ ชนิดเองก็สามารถลดทอนรสชาติและทำให้การดื่มไวน์ของคุณไม่อร่อยเท่าที่ควร อาทิ ‘หมากฝรั่ง’ ที่รสชาติต่างๆ จะติดหนึบทนนานอยู่ในปาก แม้ว่ารสหวานของหมากฝรั่งนั้นจะหมดไปแล้วก็ตาม แต่รสสัมผัสความเหนียวจะยังคงส่งผลกระทบกับช่องปากของคุณไปเรื่อยๆ ดังนั้นเราแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งให้เสร็จก่อนที่จะดื่มไวน์สักชั่วโมง จากนั้นบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าจะสามารถเปิดช่องปากให้รับรู้รสของไวน์ได้ดีขึ้น

 

นอกเหนือจากนั้นการแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปากก่อนดื่มไวน์ก็ไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก… แม้หมอฟันคนโปรดจะย้ำเตือนนักหนาว่าให้ทำความสะอาดช่องปากอยู่เสมอ แต่หากริจะดื่มไวน์แล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าเราต้องแหกกฎคุณหมอไปเสียก่อน! นั่นเป็นเพราะรสชาติของยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากคือตัวการทำให้ไวน์รสไม่เหมือนเดิม ลองนึกภาพว่าคุณตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ คุณกลับพบว่าน้ำส้มที่กำลังดื่มกับมื้อเช้านั้นรสชาติขมพิลึก ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาที่ยาสีฟันทำกับฟันและช่องปากที่นำเอาแบคทีเรียในช่องปากคุณไปเสียเกือบหมด ฉะนั้นอยากจะดื่มไวน์ ดื่มให้เสร็จทีเดียวแล้วค่อยแปรงตอนจบมื้อจะดีกว่า (อีกอย่างใครจะอยากรู้รสน้ำยาบ้วนปากเคล้ากับรสไวน์กันล่ะ)

 

 

 

อีกสิ่งหนึ่งท่ีเราควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากสร้างผลกระทบคล้ายกับการเคี้ยวหมากฝรั่ง คือการหม่ำอาหารหรือของหวานที่มีส่วนผสมของมินต์หรือใบสะระแหน่ เนื่องจากพลังความสดชื่นของใบเขียวๆ เหล่านี้จะกลบรสชาติไวน์จนเกือบทั้งหมด ฉะนั้นรู้อย่างนี้แล้ว ก่อนจะเคี้ยวลูกอมรสมินต์ตอนไปเดตก่อนจิบไวน์ เรามาเลี่ยงกันหน่อยดีไหมล่ะ  

 

มาถึงสิ่งสุดท้ายที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของไวน์กันบ้าง นั่นคือ น้ำส้มสายชู เพราะถึงแม้ไวน์และน้ำส้มสายชูจะมีที่มาที่คล้ายๆ กันอันเกิดจากการหมัก แต่ความเปรี้ยวจี๊ดทะลุเพดานของน้ำส้มสายชูอาจทำให้ลิ้นของคุณเกิดอาการ ‘ดับ’ และไม่สามารถรับรสอื่นๆ ของไวน์ได้ ดังนั้นเราแนะให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู หรือแม้แต่น้ำสลัดบัลซามิกเสียก่อนจะจิบไวน์ ไวน์แก้วโปรดที่ดื่มอยู่จะได้อร่อยดังควร

 

ถ้าเตรียมตัวเตรียมปากพร้อมแล้วก็ยกแก้วขึ้นมาเลย!

 

หากไม่รู้จะจัดการกับช่องปากอย่างไรหลังดื่มไวน์ ตามไปจัดการคราบที่หลงเหลืออยู่จากไวน์ได้ที่บทความนี้

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

• blog.vinfolio.com/2016/02/12/the-individuality-of-taste-bacteria-in-your-mouth-affect-the-aroma-of-wine-study-says
• www.savoreachglass.com/articles/the-enemies-of-wine-what-not-to-eat-when-drinking
• www.winesandvines.com/features/article/193822/Tooth-Care-for-Wine-Professionals