Bloomberg รายงานว่า ฝ่าม เญิ้ต เวือง (Pham Nhat Vuong) วัย 54 ปี มหาเศรษฐีและนักธุรกิจที่รวยที่สุดในเวียดนาม ผู้ก่อตั้ง วินน์ กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนาม VinFast กลายเป็นนักธุรกิจกระเป๋าหนักรายล่าสุดที่จะเข้ารับตำแหน่งต่อจาก อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์รถยนต์ Tesla ในการเข้าสู่ภาวะเลวร้ายของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลังยอดขายรถยนต์ EV ไม่เปรี้ยงตามเม็ดเงินที่ลงทุนและความคาดหวังที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ นอกจากมัสก์แล้ว ช่วงที่ผ่านมายังมีมหาเศรษฐีนักธุรกิจที่เผชิญภาวะเลวร้ายของอุตสาหกรรมการผลิตในรถยนต์ EV อีกหลายราย ตัวอย่างเช่น เจมส์ ไดสัน มหาเศรษฐีนักธุรกิจเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน, เจียเยว่ถิง ผู้ก่อตั้ง Netflix of China และ ฮุยกาหยั่น มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่เบื้องหลัง Evergrande Group ของจีน ซึ่งทั้งหมดต่างวางเดิมพันก้อนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรม EV และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV แต่ก็ผิดหวังไปตามๆ กัน
ทั้งนี้ มีการคำนวณว่า ในช่วงกว่า 6 ปีที่ผ่านมา เวืองได้ทุ่มเงิน 8,200 ล้านดอลลาร์ในการเงินทุนสำคัญสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและรายจ่ายต่างๆ ของบริษัท ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งหมดนั้นน้อยมาก โดย VinFast สามารถขายรถยนต์ EV ได้เพียง 93,000 คัน และ E-Scooter ได้อีก 162,000 คัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ฝ่าม เญิ้ต เวือง’ ผู้สร้าง Vingroup บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
- ทำความรู้จัก VinFast ค่ายรถยนต์ EV สัญชาติเวียดนามที่กำลังบุกตลาดสหรัฐฯ
- VinFast ผู้ผลิต EV สัญชาติเวียดนาม เตรียมส่งออกรถ 5,000 คัน ไปยังสหรัฐฯ ยุโรป และแคนาดา
รายงานระบุว่า เวืองมีแผนที่จะเพิ่มงบลงทุนใน VinFast อีก 2,500 ล้านดอลลาร์ โดย 1,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นเงินส่วนตัวที่เวืองควักออกมาเพื่อกระตุ้นการเติบโตของบริษัท ซึ่งเดือนนี้ VinFast เตรียมส่งรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ไฟฟ้า รุ่น VF8 ไปให้ลูกค้าในตลาดสหรัฐอเมริกา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความไม่แน่นอนในเวลานี้คือ การลงทุนของเวืองใน EV จะฟื้นกลับมาได้เร็วแค่ไหน และ EV ของค่าย VinFast จะมีพลังมากพอที่จะงัดกับเจ้าตลาดอย่าง Tesla ที่หันมาพลิกเกมใช้มาตรการด้านราคา เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดต่อไป
โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เวืองอาจต้องควักอีกหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อให้ลูกค้าชาวอเมริกันคุ้นเคยกับแบรนด์ ซึ่งงบก้อนนี้ยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในการสร้างเครือข่ายสำหรับการจัดจำหน่ายและการขายปลีกยานพาหนะ
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เริ่มก่อตั้ง VinFast ได้ไม่นาน เวืองเคยให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเป้าหมายที่จะขายรถยนต์ในสหรัฐฯ และความเต็มใจที่จะทุ่มเงินส่วนตัวมากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
แม้ว่าในช่วงปี 2022 VinFast จะสามารถเรียกกระแสฮือฮาจากการประกาศสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ EV มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ในนอร์ทแคโรไลนาของสหรัฐฯ
กระนั้นทิศทางการเติบโตของธุรกิจ EV ของ VinFast กลับดูไม่มั่นคงสักเท่าไรนัก ตั้งแต่การลาออกของผู้บริหารระดับสูง ไปจนถึงการชะลอแผน IPO ในตลาด Wall Street และการเลื่อนกำหนดการส่งมอบรถยนต์ EV จากปลายเดือนธันวาคมเป็นเดือนมกราคม และเลื่อนอีกครั้งเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะสามารถส่งมอบรถยนต์ SUV ล็อตแรกในช่วงวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 45 คัน ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ของ VinFast ในสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มที่จะยังไม่เริ่มการผลิตจนกว่าจะถึงปี 2025
ทั้งนี้ หลายฝ่ายกำลังจับตามองว่า ธุรกิจ EV ของ VinFast จะเจ็บหนักสักแค่ไหนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยขณะนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ VinFast วิ่งอยู่บนถนนในสหรัฐฯ แล้วประมาณ 310 คัน
อ้างอิง: