สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว หากผู้รับบำนาญที่เคยขอรับบำเหน็จดำรงชีพในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ ในช่วงอายุ 60 ปี และ 65 ปีไปแล้ว และยังไม่ครบตามสิทธิ์ซึ่งรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ให้ผู้รับบำนาญที่มีสิทธิขอรับเพิ่มได้ในจำนวนเงินที่ยังไม่ครบตามสิทธิ์ โดยสามารถยื่นขอรับบำเหน็จดำรงชีพสำหรับผู้รับบำนาญซึ่งมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ทั้งแบบไม่มีหนี้บำเหน็จค้ำประกันและแบบมีหนี้บำเหน็จค้ำประกัน ที่ส่วนราชการผู้เบิกบำนาญ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวต่อว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้เตรียมความพร้อมในการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพให้กับผู้รับบำนาญที่มีสิทธิ์ โดยได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอรับและการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ
สำหรับผู้รับบำนาญซึ่งมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป พ.ศ. 2562 เพื่อให้ส่วนราชการผู้เบิกบำนาญและผู้รับบำนาญได้ทราบและนำไปปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งพัฒนาระบบบำเหน็จบำนาญให้สามารถรองรับการจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว และพัฒนาระบบ Pensions’ Electronic Filing ให้ผู้รับบำนาญสามารถตรวจสอบคำนวณบำเหน็จดำรงชีพที่จะได้รับ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประมาณการตัดสินใจในเบื้องต้นด้วยตนเอง
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้รับบำนาญได้รับความสะดวกที่สุด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้กรมบัญชีกลางได้หารือร่วมกับธนาคารต่างๆ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการดำเนินโครงการกู้เงินกับสถาบันการเงิน สำหรับผู้รับบำนาญที่นำสิทธิ์ในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน (เพิ่มเติม) แนบท้ายข้อตกลงเดิมที่เคยทำไว้กับธนาคารต่างๆ อีกด้วย
สำหรับผู้รับบำนาญที่มีอายุ 60 ปี และ 65 ปี การยื่นขอรับบำเหน็จดำรงชีพให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิมที่เคยปฏิบัติ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
