×

เสรีพิศุทธ์ ชี้ค้นบ้าน ‘พล.ต.อ. สุรเชษฐ์’ หวังผลดิสเครดิตก่อนตั้ง ผบ.ตร. เตือนนายกฯ อ่านกฎหมายตำรวจให้แม่น ระวังติดคุกแต่งตั้งไม่เป็นธรรม

โดย THE STANDARD TEAM
25.09.2023
  • LOADING...
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

วันนี้ (25 กันยายน) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวหลังตำรวจบุกเข้าจับกุมลูกน้องคนสนิทและบุกเข้าค้นบ้าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง และมีสาเหตุมาจากการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำลังจะมาถึงภายใน 2 วันนี้ ในอดีตไม่เคยมีการเข้าค้นบ้านผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาก่อน มีเพียงความพยายามล้มล้าง ซึ่งปกติแล้วการจะขอหมายศาลเพื่อเข้าค้นบ้านตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่แบบนี้จะต้องมีมูลเหตุชัดเจนเพียงพอให้ศาลมีความเชื่อว่ามีการกระทำความผิดจริง ดังนั้นเรื่องนี้ตัวเองเชื่อว่าหากผู้ไปขอหมายศาลระบุชื่อว่าจะค้นบ้านของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ศาลคงไม่ออกหมายค้นให้ และคงไม่วินิจฉัยง่ายๆ ครั้งนี้จึงไม่รู้ข้อเท็จจริงว่ามีการระบุรายละเอียดอย่างไรบ้าง 

 

ส่วนที่มีตำรวจบอกว่าไม่รู้มาก่อนว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักอาศัยของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์นั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์มองว่า อาจจะมีความเป็นไปได้ เพราะตำรวจระดับเล็ก แต่ตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ที่จะไม่รู้เป็นไปไม่ได้ และการทำหน้าที่ที่เอาตำรวจคอมมานโดเข้ามาบุกตรวจค้น ซึ่งปกติแล้วก็ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจคอมมานโด มองว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคดีของ ประวีณ จันทร์คล้าย หรืออดีตกำนันนก หรือไม่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ บอกว่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่ต้องบอกว่าตัวเองอยู่วงนอกแล้ว ถ้ายังอยู่วงในอาจจะรู้ แต่ลักษณะแบบนี้อีก 2 วันจะมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงอยากตั้งคำถามไปยัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่ามีอิทธิพลภายนอกมาครอบงำหรือไม่ ฉะนั้นขอฝากเตือนไปยังนายกฯ ว่า จะทำอะไร จะแต่งตั้งใคร ต้องคิดให้รอบคอบ และคำนึงถึงมาตรา 78 ที่จะต้องคำนึงถึงความอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะเรื่องการสืบสวนสอบสวนและประสบการณ์ในการป้องกันปราบปราม ซึ่งต้องมีผลงานปรากฏที่ชัดเจน ซึ่งหากมีการแต่งตั้งข้ามระบบอาวุโส ก็จะทำให้วงการสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกต่ำ และจะไปโทษตำรวจชั้นผู้น้อยที่ไปรับเงินคนแบบอดีตกำนันนกก็ไม่ได้ เพราะมีผู้บังคับบัญชาเป็นแบบนี้

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังขอฝากไปถึงนายกฯ ว่า จะต้องรู้และเข้าใจกฎหมายตำรวจ ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่มีรายละเอียดถึง 181 มาตรา มองว่านายกฯ เป็นคนนอกวงการ ซึ่งการแต่งตั้งหากไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมอาจจะถูกดำเนินคดีได้ ตามมาตรา 78 และจะถูกดำเนินคดีในมาตรา 87 มีโทษจำคุก 5 ปี ซึ่งในมาตรา 87 มีข้อกำหนดไว้ชัดเจนว่า “หากตำรวจเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มีสิทธิร้องทุกข์ตามระบบพัฒนาคุณธรรม ตามกฎ ก.ตร. และยังยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ และหากมีเรื่องไปถึง และผู้บังคับบัญชาไม่ทำตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง มีความผิดทางวินัย และผู้ใดซื้อขายตำแหน่ง หรือแอบอ้างอำนาจบุคคลใด (มีใครสั่งมา) กรณีที่บุคคลนั้นควรได้ตำแหน่ง แต่ไม่ได้ ผู้ที่แต่งตั้งมีโทษจำคุก 5 ปี” ซึ่งหากนายกฯ พลาด จะโดนข้อกฎหมายตัวนี้ จึงอยากฝากนายกฯ ว่า ภายใน 2 วันนี้ อย่าไปรับคำสั่งใครมา พร้อมย้ำ ไม่ทำตามมาตรา 78 ก็จะติดคุกตามมาตรา 87 หากนายกฯ ดำเนินการตามนี้ตามที่ตัวเองบอกไว้ ก็จะอยู่รอดปลอดภัยตามกฎหมาย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะสงบ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะเกิดขึ้นนี้ ไม่อยากให้นำกรณีการบุกค้นบ้าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มาประกอบการพิจารณา เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้านี้มองว่าเป็นวิธีที่สกปรก ชกใต้เข็มขัด ไม่ควรมีเหตุการณ์นี้ โดยยังมองอีกว่าเหตุการณ์นี้เป็นการข่มขวัญ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ดิสเครดิต ทำให้เสียภาพพจน์ เพราะหากเจออะไรที่ผิดกฎหมายถึงขั้นหมดอนาคตในวงการตำรวจ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ไม่แน่ บ้านไหนตำรวจอาจจะมีอาวุธปืนเถื่อนและเครื่องกระสุนที่ผิดกฎหมาย เพราะเอามาใช้ในการปฏิบัติงาน 

 

ส่วนที่มีตั้งคำถามว่าพฤติกรรมของลูกน้องคนสนิทกระทำความผิดแบบนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ จะไม่ทราบ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ มองว่าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ต้องพิจารณาตามพยานหลักฐานและเหตุผล แต่เท่าที่ตัวเองติดตามข่าวในวันนี้ไม่พบเส้นทางการเงินที่จะเชื่อมโยงไปยัง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แต่ก็ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นจะมาบอกว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งย้อนกลับไปสมัยที่ตัวเองเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปฮั้วกับนายกรัฐมนตรี คือ สมัคร สุนทรเวช ซึ่งมีความเขี้ยวกว่าเศรษฐา 1,000 เท่า 10,000 เท่า พอได้ตำแหน่งนายกฯ ก็สั่งปลดตน ตั้งพัชรวาท (วงษ์สุวรรณ) มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน ดังนั้นจึงขอเตือนเศรษฐาว่าระวังจะถูกหลอกเหมือนสมัคร เพราะตอนนั้นสมัครก็มีการเรียกเงินตัวเองถึง 80,000,000 บาท จนตัวเองต้องไปฟ้องศาล และคำวินิจฉัยก็เป็นคุณประโยชน์กับตัวเอง เสียดายที่สมัครเสียชีวิตไปก่อน ตัวเองเลยโดนเล่นงานฟรี เรียกร้องค่าเสียหายอะไรไม่ได้

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังมองว่าตอนนี้สถานการณ์ในองค์กรตำรวจแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งฝ่ายกัน แก่งแย่งชิงดีกัน ซึ่งจะแก้ไขอย่างไรนั้นผู้นำต้องดีก่อน แต่เชื่อว่าองค์กรตำรวจจะไม่ล่มสลายเช่นเดียวกับประเทศไทย พร้อมเสนอแนะไปยัง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ว่า หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องสู้ ตนยังสู้จนคนอื่นแพ้ภัย ส่วนจะสู้อย่างไรนั้นก็ให้ไปดูว่าการค้นบ้านครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ มีความรู้ความสามารถ แต่คนที่เหมาะจะนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ควรเป็น พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ เนื่องจากมีทั้งความอาวุโสและผลงานที่ชัดเจน

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising