×

Red, White & Royal Blue เมื่อห้วงรักในดวงใจต้องดำรงไปพร้อมกับหน้าที่

16.08.2023
  • LOADING...
Red, White & Royal Blue

หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์ Red, White & Royal Blue

 

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ใครหลายคนจับตามอง หลัง Berlanti-Schechter Films ประกาศแคสติ้งออกมา สำหรับ Red, White & Royal Blue ผลงานการกำกับโดย Matthew López ที่จับมือรังสรรค์ร่วมกับโปรดิวเซอร์ Greg Berlanti จาก Love, Simon (2018)

 

Red, White & Royal Blue คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Casey McQuiston เล่าถึงเรื่องราวของ Prince Henry Fox-Mountchristen-Windsor (รับบทโดย Nicholas Galitzine) เจ้าชายลำดับที่สามแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ ผู้สร้างความประทับใจขั้นติดลบต่อ Alex Claremont-Diaz (รับบทโดย Taylor Zakhar Perez) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ Ellen Claremont (รับบทโดย Uma Thurman) ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา สังกัดพรรคเดโมแครต

 

Red, White & Royal Blue

 

จุดเริ่มต้นของความบาดหมางระหว่างสองหวานใจแห่งอังกฤษและอเมริกาเกิดขึ้น ณ งานเลี้ยงของการประชุมสภาพภูมิอากาศที่เมลเบิร์น Alex พยายามที่จะเข้าไปทักทาย Prince Henry ด้วยไมตรีจิต แต่กลับถูกอีกฝ่ายเมินเฉยและขอปลีกตัวกลับก่อนอย่างไร้มารยาท นั่นทำให้ Alex ที่เคยชื่นชมเจ้าชายผ่านสื่อต่างๆ รู้สึกเกลียดเชื้อพระวงศ์คนนี้เข้าไส้

 

กระทั่งพวกเขาทั้งสองได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งผ่านพิธีอภิเษกสมรสของราชวงศ์อังกฤษ ในวันนั้น Alex ดื่มแอลกอฮอล์จนมึนเมา กระทั่งเขาได้พบกับ Prince Henry อีกครั้ง เจ้าตัวถือวิสาสะปราดเข้าไปหาเรื่องเจ้าชายที่น่าหมั่นไส้อย่างเย้ยหยัน เหตุวิวาทในครั้งนี้ทำให้พวกเขาลงไม้ลงมือกันไปมา จนทำให้เค้กแต่งงานของราชวงศ์มูลค่า 75,000 ดอลลาร์ ร่วงลงมาทับใส่ทั้งสอง กลายเป็นความอับอายที่เอิกเกริกต่อสื่อมวลชนไปทั่วโลก

 

ประเด็นร้อนฉ่าดังกล่าวทำให้สองหนุ่มสองขั้วต้องหันมาจับมือกันเพื่อกลบข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนระหว่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ทั้ง Alex และ Prince Henry เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างทาง Alex ได้ลอบสังเกตถึงนิสัยใจคอของ Prince Henry และค้นพบว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลที่กลายเป็นคนนิสัยเสียในครั้งแรกที่เจอกัน ผู้เป็นเจ้าชายยอมขอโทษแต่โดยดี พวกเขาได้ทยอยทลายกำแพงต่อกันลง ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อน ผ่านการติดต่อกันทางข้อความไปมา

 

Red, White & Royal Blue

 

ความสั่นไหวในใจของ Prince Henry ได้เริ่มเกิดขึ้นกับ Alex ตั้งแต่ทั้งคู่ยอมผูกมิตรและแอบสนทนาเชิงเกี้ยวกันมาสักพัก วันหนึ่งเขาถูกเชิญชวนให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้ ทำให้ในที่สุด Prince Henry ดันวู่วามไปจูบกับอีกฝ่ายเพื่อบอกความรู้สึกในใจ การกระทำดังกล่าวได้กลายเป็นอีกชนวนที่ทำให้ Alex ค้นพบว่าตัวเองคือไบเซ็กชวล และเขาก็ชอบ Prince Henry เช่นเดียวกัน จาก ‘เพื่อน’ ที่คุยกันเป็นปกติ จึงแปรเปลี่ยนไปเป็น ‘Friend with Benefit’ แทน

 

ทั้ง Alex และ Prince Henry แอบนัดพบกันเพื่อร่วมรักกันอย่างร้อนฉ่า ท่ามกลางบทบาทหน้าที่ที่ล้อมกรอบพวกเขาไว้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากคนหนึ่งมีฐานันดรเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ และอีกคนก็เป็นถึงลูกชายของว่าที่ประธานาธิบดีในสมัยใหม่ ความรักของพวกเขาจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องปิดบังและขีดเส้นไว้เพียง ‘เล่นๆ’ แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ถลำลึกลงไปอยู่ดี

 

Red, White & Royal Blue

 

ด้วยพล็อตเรื่องที่ชวนเพ้อฝันและคลุกเคล้าไปด้วยกลิ่นอายน้ำเน่า ทำให้ผู้เขียนอย่างเรารู้สึกว่า Red, White & Royal Blue อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนดูมากนักในแง่ความลุ่มลึกของเนื้อเรื่อง หากแต่เมื่อได้ลองเปิดใจรับชมแล้ว ทุกข้ออคติที่เคยมีกลับค่อยๆ เลือนหายไปละนิด กระทั่งเราเริ่มรู้สึกตกหลุมรักภาพยนตร์เรื่องนี้ตามมา

 

หนึ่งในชั้นเชิงที่ดีจากบทนวนิยายต้นฉบับ คือการหยิบเอาตัวละครที่มีพื้นฐานกับข้อจำกัดอันชัดเจนมาปรุงแต่ง โดยเฉพาะคนในแวดวงราชวงศ์และการเมือง ทำให้เรื่องนี้มีรายละเอียดหรือประเด็นมากมายที่จะเล่าถึง ทั้งโครงสร้างบุคลากรภายในพระราชวัง หรือสถานการณ์อันร้อนระอุจากทำเนียบขาว ความเข้มข้นของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีวัตถุดิบอันโดดเด่นมาช่วยชูโรงให้ทุกอย่างมีมากกว่าความโรแมนติก-ฟีลกู๊ด

 

Red, White & Royal Blue

 

ตอนฉันอายุสี่ขวบ ฉันเริ่มเข้าใจว่าทุกคนในประเทศรู้ชื่อฉัน แต่ฉันจะไม่มีวันรู้ชื่อพวกเขา Prince Henry เป็นสมบัติของอังกฤษ Henry Fox ต้องเป็นตัวของเขาเอง ไม่อย่างนั้นเขาจะหายไป…

 

ขยายความจากสิ่งที่น่าสนใจของตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบทุกๆ บทบาทที่โลดแล่นใน Red, White & Royal Blue โดยเฉพาะ Prince Henry ที่ชีวิตเต็มไปด้วยกรอบอันโบราณจากทางราชวงศ์ เขากลายเป็นที่จดจำของคนทั้งโลกมาตั้งแต่ลืมตามองโลก ด้วยพื้นเพแสนยิ่งใหญ่ที่ถูกครอบเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น เขาจึงต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงจากสายตาของสาธารณชน และยังคงโหยหาอิสรภาพอย่างอัดอั้นตันใจ

 

สวนทางกับ Alex ที่มีความโลดโผนและเอ่อล้นไปด้วยไฟทะเยอทะยาน เขามีเป้าหมายเดียวคืออาชีพทางการเมืองเหมือนแม่และพ่อของเขาที่เป็นวุฒิสมาชิกในทำเนียบ กอปรกับบริบททางสังคมของสหรัฐอเมริกาที่อาศัยอยู่มีความยืดหยุ่นและผ่อนคลายกว่ามาก ในฐานะคนดู ผู้เขียนจึงมองเห็นความเย้ายวนระหว่างพวกเขาอย่างชัดเจน เพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรมนี้ทำให้การมาพบเจอกันของทั้งสองดูมีเสน่ห์จนน่าดึงดูดใจ เนื่องจากต่างฝ่ายพร้อมที่จะเรียนรู้กันและกันอยู่ตลอดเวลา

 

Red, White & Royal Blue

 

ด้วยข้อจำกัดทางรากฐานของตัวละครที่ต้องดำรงหน้าที่ตัวเอง ผสมกับเรื่องพหุวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน จุดนี้จึงเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการช่วยขยี้ให้ภาพยนตร์โรแมนติกเรื่องนี้เคลือบเคล้าไปด้วยรสชาติฝืดเคืองจากมู้ดดราม่า เราจะรู้สึกเศร้าสร้อยตาม Prince Henry อย่างถ่องแท้ เมื่อทราบว่าเขาต้องกล้ำกลืนความเป็นตัวเองอยู่ตลอดเวลา ต่อให้อยากจะแสดงความรักกับ Alex มากเพียงใด เขาก็ไม่อาจทำได้ เพราะภาพลักษณ์ของเจ้าชายยังคงค้ำคออยู่เสมอ

 

หรือแม้กระทั่ง Alex ที่เป็นลูกประธานาธิบดี เขาก็ยังคงต้องผ่านช่วงเวลาในการ Come Out กับผู้เป็นแม่อยู่ดี บวกกับภาวะทางการเมืองที่เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกวัน ทำให้ Alex จำเป็นต้องหันมาใส่ใจกับหน้าที่ จนบางครั้งอาจจะลืมคิดถึงเรื่องหัวใจ ถือว่า Conflict ยิบย่อยทั้งหมดนี้ใน Red, White & Royal Blue ล้วนทำหน้าที่ได้ดี และทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันได้อย่างง่ายดาย

 

Red, White & Royal Blue Red, White & Royal Blue

 

ผนวกกับการแสดงที่น่าประทับใจของคู่พระ-นายอย่าง Taylor Zakhar Perez ผู้ผ่านงานรอมคอมมาบ้างแล้วจาก The Kissing Booth Chapter: 1 (2018), Chapter: 2 (2020) และ Chapter: 3 (2021) ควบคู่ไปกับ Nicholas Galitzine ซึ่งก็เคยรับบทเกย์ในเรื่อง Handsome Devil (2016) มาก่อนหน้านี้ เคมีระหว่างพวกเขาจึงช่วยผลักดันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เติมเต็มไปด้วยสีสันทางการแสดง รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่มีความละม้ายคล้ายเหมือนฉบับนวนิยาย การแคสติ้งในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ชมล้วนชื่นชมกันถ้วนหน้า

 

Red, White & Royal Blue

 

อีกหนึ่งนักแสดงที่โลดแล่นได้อย่างสง่างาม ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Uma Thurman (Kill Bill: Volume 1-2, Pulp Fiction และ Gattaca) ที่มารับบทคุณแม่ พร้อมกับเตรียมชิงตำแหน่งหน้าที่ประธานาธิบดีอีกสมัย การแสดงของเธอดูมีมิติและฉายชัดทางอารมณ์อย่างลุ่มลึก Uma สามารถเป็นแม่ที่อบอุ่นและแข็งกร้าวได้ภายในเวลาเดียวกัน เรารู้สึกตกหลุมรักเธอทันทีที่พร้อมจะโอบกอดลูกรัก หลังจากที่ Alex พร้อมเปิดใจคุยกับแม่เรื่องอัตลักษณ์ทางเพศของเขา

 

Red, White & Royal Blue

 

Red, White & Royal Blue ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์โรแมนติกที่อัดแน่นไปด้วยโหมดฟีลกู๊ดคลุกเคล้ากับช่วงดราม่าได้อย่างลงตัว เมื่อรับชมโดยปราศจากอคติและตัดความสมเหตุสมผลออกไปแล้ว จะพบว่ามีสารบางอย่างที่พยายามสื่อสารกับผู้ชมอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว, ประเด็น LGBTQIA+ ทั้งการ Come Out และรสนิยมทางเพศของตนเอง, ความถูกต้องและการปฏิบัติหน้าที่การงานของราชวงศ์และการเมืองการปกครอง, พหุวัฒนธรรม, จรรยาบรรณของสื่อมวลชน ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยบริบทที่น่าสนใจ

 

หากใครที่อยากลองดื่มด่ำไปกับความรักอันบานฉ่ำระหว่าง Prince Henry และลูกชายประธานาธิบดีอย่าง Alex สามารถรับชมความละมุนหัวใจนี้ได้ทาง Prime Video

 

ภาพ: Prime Video

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising